View Full Version : Digital Camera
The_Ttent
16-02-12, 07:43 PM
http://a7.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash4/421958_10150561995276840_21785951839_9297650_764922410_n.jpg
ความจริงวันนี้..ของดิจิตอล....หรือ..
ตอนเรียนอาจารย์ผมเคยเรียกกล้องออโต้ว่าเป็นกล้อง PHS หรือ Push Here Stupid กับกล้อง digital ยุคนี้ ผมว่ามันตรงมากครับ
ลมมันแรง
16-02-12, 10:07 PM
พี่ว่าแค่ เทคโนโลยี่ ทำให้ คนทั่วไปถ่ายรูปได้ง่ายขึ้น ได้คุณภาพที่ดีขึ้น ก็แค่นั้นเอง
อย่าคิดมาก นะพี่เต้นท์
มุมมอง เป็นเรื่องสำคัญกว่า ซึ่งไม่ใช่ใครก็ได้ จะทำได้
:D:D:D:D
jackagee
16-02-12, 10:41 PM
พี่ว่าแค่ เทคโนโลยี่ ทำให้ คนทั่วไปถ่ายรูปได้ง่ายขึ้น ได้คุณภาพที่ดีขึ้น ก็แค่นั้นเอง
อย่าคิดมาก นะพี่เต้นท์
มุมมอง เป็นเรื่องสำคัญกว่า ซึ่งไม่ใช่ใครก็ได้ จะทำได้
:D:D:D:D
ใช่ครับ ผมเห็นด้วย การถ่ายภาพให้สวย ไม่ยากเท่ากับการถ่ายภาพให้มีความหมาย
แต่หากสองอย่างมาเจอกัน นั่นหมายถึง สุนทรียภาพและความงามได้เดินทางมาบรรจบ
ยกตัวอย่างภาพบุคคลภาพหนึ่ง บนหน้าปกหนังสือเนชั่นแนลจีโอกราฟฟิก ที่เป็นหญิงอัฟกานิสถาน(หากผมจำไม่ผิด)
ผมชอบภาพนี้มาก เรื่ององค์ประกอบภาพ/สี/แสง/ไม่ขอกล่าวถึง
แต่อยากจะบอกว่าที่ชอบคือการสื่อความหมายของภาพ
ดวงตาคู่นั้นเป็นที่จดจำของคนทั่วโลกหลังจากที่หนังสือออกวาง
มันสื่อถึงความเจ็บปวดของประเทศ ย้ำครับ ของประเทศ
แววตา/ กล้ามเนื้อบนใบหน้า / สภาพการแต่งกาย มันสื่อออกมาชัดจริงๆ
ตรงนี้แหละ ที่จะวัดความเก๋าของผู้ถ่าย ว่า อดทน และมุ่งมั่นแค่ไหนกว่าจะได้แต่ละภาพมา
ป.ล. ตอนเรียนวิชาโฟโต้ ผมเคยฝันว่าอยากเป็นช่างภาพประจำของหนังสือเล่มนี้ด้วยนะ ตอนนั้นยังไม่มีเวอร์ชั่นภาษาไทยเลยอ่ะ ดูภาพอย่างเดียวก็คุ้มแล้ว....เนอะ
พี่ว่าแค่ เทคโนโลยี่ ทำให้ คนทั่วไปถ่ายรูปได้ง่ายขึ้น ได้คุณภาพที่ดีขึ้น ก็แค่นั้นเอง
อย่าคิดมาก นะพี่เต้นท์
มุมมอง เป็นเรื่องสำคัญกว่า ซึ่งไม่ใช่ใครก็ได้ จะทำได้
:D:D:D:D
:2TU::2TU::2TU:
http://ngm.nationalgeographic.com/2002/04/afghan-girl/index-text
The_Ttent
17-02-12, 09:30 AM
พี่ว่าแค่ เทคโนโลยี่ ทำให้ คนทั่วไปถ่ายรูปได้ง่ายขึ้น ได้คุณภาพที่ดีขึ้น ก็แค่นั้นเอง
อย่าคิดมาก นะพี่เต้นท์
มุมมอง เป็นเรื่องสำคัญกว่า ซึ่งไม่ใช่ใครก็ได้ จะทำได้
:D:D:D:D
มันก็ใช่ครับ แต่จากที่ได้คุยกับคนถ่ายรูปหลายๆคน ก่อนจะกดชัตเตอร์เค้าคิดน้อยลงเยอะ "ไม่เป็นไร ดิจิตอล ถ่ายไปก่อน แล้วค่อยไปเลือกทีหลัง"
เฮ้ยยย อย่างงั้นลิงมันก็ถ่ายได้วะ
จริงอยู่ว่ามันเป็นการเสียดสี แต่ผมแค่อยากให้ เรา คิดให้เยอะขึ้นอีกนิด มองให้นานอีกซักนิด ก่อนจะกดชัตเตอร์ครับ
ผมจะคิดเสมอว่า กล้องที่ผมใช้อยู่เป็นกล้องฟิล์ม มีแค่ม้วนละ 36 รูป ทุกครั้งที่กดชัตเตอร์ คือต้องเสียตังค์เพื่อที่จะได้เห็นรูปนั้น โดยไม่รู้เลยว่ามันจะออกมาดีรึเปล่า
ผมอยากให้ เรา พิถีพิถันมากขึ้น ก่อนจะกดชัตเตอร์ครับ ไม่ใช่สักแต่ว่ากดๆๆๆๆ แล้วค่อยไปเลือกครับ
Dome@259
17-02-12, 10:05 AM
มันก็ใช่ครับ แต่จากที่ได้คุยกับคนถ่ายรูปหลายๆคน ก่อนจะกดชัตเตอร์เค้าคิดน้อยลงเยอะ "ไม่เป็นไร ดิจิตอล ถ่ายไปก่อน แล้วค่อยไปเลือกทีหลัง"
เฮ้ยยย อย่างงั้นลิงมันก็ถ่ายได้วะ
จริงอยู่ว่ามันเป็นการเสียดสี แต่ผมแค่อยากให้ เรา คิดให้เยอะขึ้นอีกนิด มองให้นานอีกซักนิด ก่อนจะกดชัตเตอร์ครับ
ผมจะคิดเสมอว่า กล้องที่ผมใช้อยู่เป็นกล้องฟิล์ม มีแค่ม้วนละ 36 รูป ทุกครั้งที่กดชัตเตอร์ คือต้องเสียตังค์เพื่อที่จะได้เห็นรูปนั้น โดยไม่รู้เลยว่ามันจะออกมาดีรึเปล่า
ผมอยากให้ เรา พิถีพิถันมากขึ้น ก่อนจะกดชัตเตอร์ครับ ไม่ใช่สักแต่ว่ากดๆๆๆๆ แล้วค่อยไปเลือกครับ
:2TU::2TU::2TU:
แสงแทนเส้นสี
กล้องแทนพู่กัน
ฟิล์มแทนกระดาษ
หัวใจแทนสมอง
ความรู้สึกแทนเหตุผล
..........คนถ่ายภาพ
:cool:สุดท้ายอยู่ที่คนครับ อย่าไปยอมให้กล้องมันใช้เราถ่ายภาพ เราต้องเป็นคนใช้มันถ่ายภาพ:cool:
ต้องคิดมากกว่าจะเอากล้องออกมาถ่ายได้ครับ
สุนทรียและความคิดสร้างสรรค์มุมมองถดถอย
ไม่เหมือนเดิม
คงต้องออกเดินทางหาแรงบันดาลใจ อิอิ:D
มันก็ใช่ครับ แต่จากที่ได้คุยกับคนถ่ายรูปหลายๆคน ก่อนจะกดชัตเตอร์เค้าคิดน้อยลงเยอะ "ไม่เป็นไร ดิจิตอล ถ่ายไปก่อน แล้วค่อยไปเลือกทีหลัง"
เฮ้ยยย อย่างงั้นลิงมันก็ถ่ายได้วะ
จริงอยู่ว่ามันเป็นการเสียดสี แต่ผมแค่อยากให้ เรา คิดให้เยอะขึ้นอีกนิด มองให้นานอีกซักนิด ก่อนจะกดชัตเตอร์ครับ
ผมจะคิดเสมอว่า กล้องที่ผมใช้อยู่เป็นกล้องฟิล์ม มีแค่ม้วนละ 36 รูป ทุกครั้งที่กดชัตเตอร์ คือต้องเสียตังค์เพื่อที่จะได้เห็นรูปนั้น โดยไม่รู้เลยว่ามันจะออกมาดีรึเปล่า
ผมอยากให้ เรา พิถีพิถันมากขึ้น ก่อนจะกดชัตเตอร์ครับ ไม่ใช่สักแต่ว่ากดๆๆๆๆ แล้วค่อยไปเลือกครับ
:o:o:o ได้แต่คิดหรือป่าวเห็นเวลาแกถ่ายก็กดเอาๆไม่มียั้งวันก่อนยังเห็นคนขายล็อตเตอร์รี่(ตาบอด)ยังพกกล้องดิจิตอลเลย
ใช่ครับ ผมเห็นด้วย การถ่ายภาพให้สวย ไม่ยากเท่ากับการถ่ายภาพให้มีความหมาย
แต่หากสองอย่างมาเจอกัน นั่นหมายถึง สุนทรียภาพและความงามได้เดินทางมาบรรจบ
พยายามมานานแล้วครับไอเรื่องแบบนี้อะ...แต่ทำไม่ได้สักทีเดี๋ยวนี้เลยตัดให้หมด แล้วถ่ายให้มีความสุขอย่างเดียว...ส่วนเรื่องกล้องขอข้ามไปเพราะเป็นพวก อุปกรณ์ดีเด่นอยู่แล้ว...:D.
มันก็ใช่ครับ แต่จากที่ได้คุยกับคนถ่ายรูปหลายๆคน ก่อนจะกดชัตเตอร์เค้าคิดน้อยลงเยอะ "ไม่เป็นไร ดิจิตอล ถ่ายไปก่อน แล้วค่อยไปเลือกทีหลัง"
เฮ้ยยย อย่างงั้นลิงมันก็ถ่ายได้วะ
จริงอยู่ว่ามันเป็นการเสียดสี แต่ผมแค่อยากให้ เรา คิดให้เยอะขึ้นอีกนิด มองให้นานอีกซักนิด ก่อนจะกดชัตเตอร์ครับ
ผมจะคิดเสมอว่า กล้องที่ผมใช้อยู่เป็นกล้องฟิล์ม มีแค่ม้วนละ 36 รูป ทุกครั้งที่กดชัตเตอร์ คือต้องเสียตังค์เพื่อที่จะได้เห็นรูปนั้น โดยไม่รู้เลยว่ามันจะออกมาดีรึเปล่า
ผมอยากให้ เรา พิถีพิถันมากขึ้น ก่อนจะกดชัตเตอร์ครับ ไม่ใช่สักแต่ว่ากดๆๆๆๆ แล้วค่อยไปเลือกครับ
เคยเจอแนวนี้เหมือนกัน...ตอนงานพลุที่พัทยาเมื่อปลายปี เพื่อนมายืมการ์ดไปถ่ายเพราะมันลืมใส่การ์ดในกล้องมา....อีกวันได้การ์ดคืนเปิดดู ...... บวก ลบ ...จำนวนภาพเดิมกับภาพที่เพิ่ม........มัน ถ่ายมา ประมาณ 5200 ภาพ แล้วยังมีคลิป VDO แนบมาอีก 2-3 คลิป เลยมาเปิดดูเวลา เกือบ 3 ชมที่ถ่าย....มันถ่ายประมาณ เกือบ 30 เฟรมต่อนาที.....เลยมานั่งคิด
ดีนะที่ให้ยืมแค่การ์ดอย่างเดียว.....:eek:
The_Ttent
17-02-12, 01:05 PM
:o:o:o ได้แต่คิดหรือป่าวเห็นเวลาแกถ่ายก็กดเอาๆไม่มียั้งวันก่อนยังเห็นคนขายล็อตเตอร์รี่(ตาบอด)ยังพกกล้องดิจิตอลเลย
จริงครับ เวลากด ก็เอา เวลาเอา ก็กด
แต่ไม่เถียงครับ ผมก็ยังถ่ายเผื่ออยู่ เผื่อแสง over-under ไม่มีมั่วครับ
ผมเองก็ใช้ อยู่ แต่งานที่จบลงจะเป็นงานที่มาจากฟิลม์และปลิ้นมาจากห้องมืด ยอมรับว่าคงจะต้องใช้DC(ย่อมาจากDigital camera:D)ต่อไปคงไม่ขายDCทิ้งแล้วมาใช้กล้องฟิลม์อย่างเดียวแน่ๆ เพราะความสะดวกรวดเร็วของกล้องชนิดนี้ ผมใช้DCตอนที่ออกscoutingหามุมภาพหาคอมโพส ไปจนถึงช่วยบ้างในการตัดสินใจในการล้างอัดN-1 , N+1,N+2 หรือในสถานที่ๆไม่คุ้นเคยหรือไปครั้งแรก การที่จะแบกกล้องฟิลม์หนักๆออกเดินหามุมมองภาพทำยากและทำให้เข้าไปอยู่ในโซน(คือว่าใช้ใจพาเดิน)เป็นเรื่องที่เกือบจะเป็นไปไม่ได้ แต่คิดว่าฝึกหัดได้ซึ่งถ้าถึงจุดนั้นผมคงไม่ต้องใช้DCอีกต่อไป
ปล ห้องมืดเกือบเสร็จแล้ว:love:ล้างอัดฟิลม์ได้ตั้งแต่ 35,6x4.5,6x6,6x7,4x5 ผมว่าผมกลับมาบ้าเหมือนเดิมอีกแล้ว แต่ครั้งนี้รู้สึกว่าจะบ้าหนักกว่าเก่าอีก
HELLBOY
19-02-12, 01:43 AM
เคยโพสไว้เมื่อนานมาแว้ว ดูกันฮาๆนะเฮิ้ฟฟฟฟ
http://youtu.be/AAdA9DkPCrk
http://youtu.be/NGsmVw4tCWY
รูปนี้ถ่ายด้วยกล้องฟิล์ม4X5
http://www.doobybrain.com/wp-content/uploads/2011/10/steve-jobs-albert-watson-bw.jpg
ที่มา นิตยสาร ฅ ฅน
อัลเบิร์ต วัตสัน ช่างภาพเชื้อสายสก็อต ถ่ายภาพจ๊อบส์ลงนิตยสารฟอร์จูนเรื่องพีเพิล อิน เพาว์เวอร์ ในปี2006
วัตสันใช้กล้องฟิล์ม4X5ตั้งบนขาตั้งเก้งก้างดั่งไดโนเสาร์ จ๊อบส์เข้ามาในสูดิโอ ไม่ได้มองหน้าช่างภาพแม้แต่นิด
จ๊อบส์จ้องมองแต่กล้องและพูดว่า "สวดยวดนายใช้กล้องฟิล์มด้วย"(ทำนองนั้น,ผู้แปล)
วัตสันพูดว่า "รู้สึกว่ากล้องดิจิตอลยังเข้าไม่ถึงที่นี่" จ๊อบบอกว่า"เห็นด้วย"
แล้วหันมาจ้องวัตสันแล้วพูดว่า "แต่มันจะต้องมาถึงแน่"
ฅ ฅน ตบท้ายว่า"ใครเล่าจะคิด ภาพที่เจ๋งที่สุดของคนที่ประดิษฐ์ iPhone ที่มีกล้องดิจิตอล
ที่ถูกใช้ถ่ายภาพมากที่สุดอันหนึ่งในโลก จะถ่ายด้วยกล้องฟิล์ม4X5" กรั่กๆๆๆๆๆ
http://pdnpulse.com/2011/10/steve-jobs-visionary-inventor-and-very-challenging-photo-subject.html
Albert Watson, who photographed Jobs just once for a portfolio of people in power that Fortune commissioned him to shoot in 2006, had a different experience from other photographers. “The one thing I insisted on was that we have a three hour window of set up time,” Watson says. “We were prepared…we set up to make [every shoot] as greased lightning fast as possible for the [subject].’ Watson says he had also read “a massive amount of stuff” about Jobs to help him conceptualize the shoot, and so he would be able to converse with Jobs intelligently.
When Jobs walked in, Watson says that his power, charisma and genius were palpable. “It was like when Clint Eastwood walks in to the room.”
Jobs didn’t look immediately at Watson, but looked instead at the set-up and then focused on Watson’s 4×5 camera “like it was something dinosauric,” Watson recalls, “and he said, ‘Wow, you’re shooting film.”
“I said, ‘I don’t feel like digital is quite here yet.’ And he said, ‘I agree,’ then he turned and looked at me and said, ‘But we’ll get there.’”
Jobs gave Watson about an hour–much longer than he ever gave most photographers for a portrait session. “I had wanted to do the shot in a minimalistic way because I knew that was going to suit him very well. He said, ‘What do you want me to do?’ I said I would like 95 percent, almost 100 percent of eye contact with the camera, and I said, ‘Think about the next project you have on the table,’ and I asked him also to think about instances where people have challenged him.
“If you look at that shot, you can see the intensity. It was my intention that by looking at him, that you knew this guy was smart,” Watson says, adding, “I heard later that it was his favorite photograph of all time.”
http://pdnpulse.com/2011/10/steve-jobs-visionary-inventor-and-very-challenging-photo-subject.html
ปล.ข้อความที่อ้างอิงจาก นิตยสาร ฅ ฅน ถูกดัดแปลงโดยejomบ้างเล็กน้อย
บางที ... ประโยคคำพูดของ Albert Watson ที่ว่า "I don’t feel like digital is quite here yet." อาจจะเป็นเพียงแค่คำพูดในเชิงทักทาย ลึกลงไปใต้ประโยคนั้น อาจจะมีความหมายซ่อนอยู่อีกชั้นหนึ่ง
บาที ... ประโยคคำพูดของ Steve Job ที่ว่า "I agree, But we’ll get there." ก็เป็นคำพูดในเชิงทักทายเช่นเดียวกัน
ถ้าเรื่องราวเป็นเช่นนั้น ก็น่าเสียดายนะครับที่ Steve Jobs ด่วนจากโลกนี้ไปก่อนที่จะมีโอกาสได้เข้าใจความหมายที่แท้จริง และจะน่าเสียดายยิ่งกว่า ถ้า Steve Jobs เข้าใจ แต่ด่วนจากโลกนี้ไปก่อนที่จะมีโอกาสได้ใส่โหมดอะไรสักอย่าง ที่สามาถถ่ายทอดความรู้สึกและจิตวิญญาณของคนที่เป็นแบบออกมาได้ให้กับกล้องดิจิตอล
คิดเล่นๆ ตามประสาคนวัยปูนนี้แล้วแต่ยังไม่เคยมีรูปในบัตรประชาชนที่ดูดีเลยสักใบ ...
ภาพ Steve Jobs ตามที่เห็นไม่ได้ใช้แค่ภาพที่ถ่ายด้วยกล้องฟิล์ม 4X5, มือและสายตา แต่ช่างภาพต้องใช้ใจสัมผัสชีวิตที่อยู่ในเฟรมจึงจะถ่ายทอดความรู้สึกและจิตวิญญาณของคนที่เป็นแบบออกมาได้ ต่อให้ใช้เวลาเป็นชั่วโมงๆ ต่อให้ใช้เทคโนโลยี่ที่ทันสมัย ฯลฯ หากช่างภาพไม่สามารถเชื่อมความรู้สึกของตนเองกับคนอื่น ก็ไม่มีทางที่จะถ่ายทอดความรู้สึกคนอื่นให้ออกมามีชีวิตบนภาพถ่ายได้
ชวนดูหนังเรื่องนึงครับ ...
หนังญี่ปุ่นแนวดราม่าชื่อเรื่อง The Village Album (ชื่อไทยประมาณว่า "ถ่ายภาพด้วยหัวใจแล้วบันทึกใส่ความทรงจำ") สำหรับผู้ที่รักการภายภาพควรหาโอกาสดูให้ได้สักครั้ง
http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/newmovie/villagealbum/album_00.jpg
เรื่องราวของการมองชีวิตในมุมมองที่แตกต่างระหว่าง "เคนอิจิ" ผู้ซึ่งในสายตาของทาคาชิ เป็นแค่ช่างภาพหัวโบราณคนหนึ่ง และ "ทาคาชิ" ช่างภาพวัยหนุ่มซึ่งทิ้งชีวิตในชนบทมุ่งหน้าเข้าสู่เมืองใหญ่ ตามหาฮีโร่ในการถ่ายภาพตามที่ตัวเองอยากจะเป็น
The Village Album เป็นทริปถ่ายภาพครั้งสุดท้ายที่พ่อลูกคู่นี้มีโอกาสได้ทำงานร่วมกัน และทำให้ทาคาชิได้ค่อยๆ ได้ซึมซับบางสิ่ง - บางอย่างที่ช่างภาพในอุดมคติของเขาไม่สามารถให้ได้ นั่นคือ การถ่ายภาพด้วยหัวใจ
ลองดูครับว่า ... ทำไมทาคาชิถึงกับต้องฉีกภาพถ่ายตัวเองทิ้งไป เมื่อนำไปเปรียบเทียบกับภาพถ่ายของพ่อ และนี่ใช่ "พิถีพิถัน" ตามความหมายของคุณเต้นท์ไม๊
Stars Under The Sky
20-02-12, 01:18 PM
ผมคิดว่าเรื่องคุณภาพ ฝีมือเก่ง ไม่เก่ง รายได้ ค่าตัว ไม่มีค่าตัว หรืออุปกรณ์ถูก แพง ไม่ได้เป็นตัวกำหนดว่าใครคนไหนเป็น Photogpher หรือไม่
ผมคิดว่า ความสุขจากการได้ถ่ายรูป และมารยาทที่ดีของการถ่ายรูป คือตัวกำหนดว่า ว่าใครเป็น Photographer หรือไม่
ขอเป็นแนววิชาการสักหน่อยนะครับ(นานๆ ที ผมจะมีสาระ)
กรณีของการถ่ายภาพ
ผมคิดว่าเทียบได้กับทฤษฎีทางมานุษยวิทยาเรื่อง "เยอร์ โยรอนต์" ครับ
เป็นอย่างไรไว้เดี๋ยวค่อยมาต่อ ขออนุญาตไปทำงานก่อนครับ แวบมาได้แป๊บเดียว :p
jackagee
20-02-12, 11:41 PM
เราอยู่ในยุคที่เทคโนโลยีนี้กำลังเปลี่ยนแปลงพอดี และเปลี่ยนอย่างรวดเร็วด้วย
บางที อาจปรับความรู้สึกกับเรื่องนี้ไม่ทัน คล่้ายปลาช็อกน้ำ
ผมคิดว่า เทคโนโลยีกล้องดิจิตอล ทำให้เราถ่ายภาพได้ง่ายขึ้นน ดูภาพได้สะดวกขึ้น
สำหรับผม กล้องถ่ายภาพ คือเครื่อง ไทม์ แมชชีน
เพราะมันหยุดเวลาได้ และเราสามารถย้อนกลับไปในเวลานั้นได้
ผมรู้จักครอบครัวหนึ่ง มีลูกสาวสามคน ทั้งสามคน มีกล้องดิจิตอลตัวเล็กๆคนละตัว(รุ่นท๊อปๆด้วยนะ พ่อซื้อให้)
เค้าก็ถ่ายกันอุตลุดเลยนะ รูปเยอะมากกกกกกกกกกก
วันนึง ผมเห็นเค้าเอากล้องมาดูรูปกัน และอวดผมด้วยว่า รูปนั้นอย่างนั้น รูปนี้อย่างนี้ เล่าให้ฟังด้วยความสนุก
ภาพที่ผมเห็น ก็เป็นภาพความเป็นไปของกลุ่มพี่น้องที่ไปเที่ยวด้วยกัน จะว่าสวยก็ได้ เพราะดูตั้งใจเช่น มีมุมเสย มุมกดโดยตั้งใจให้เป็น
แล้วก็มุมธรรมดา ง่ายๆ ทั้งสวยและไม่สวยปะปนกันไป(มุมมองของผมเอง)
แต่ ภาพที่เค้าถ่ายกันมา มันสร้างความสุขให้พวกเค้าได้ดีจริงๆ
หากทั้งสามคน ถือกล้องDSLR ตัวใหญ่ๆแล้วทำแบบนี้ ความรู้สึก "เกินไป" คงเกิดกับผู้พบเห็น
แต่ผมว่า ไม่ว่าจะเป็นกล้องแบบไหน หากผู้ถ่าย มีความสุข และสิ่งที่ถ่าย ทำให้เกิดความสุข ผมว่าดี
ผมซื้อหนังสือรวมภาพถ่ายของศิลปินหญิงชาวญี่ปุ่นคนหนึ่งมาจากอเมริกา เล่มหนามากๆ
และภาพส่วนใหญ่ ถ่ายจากกล้องคอมแพค เป็นแนว สตรีท ไลฟ์ และ ภาพบุคคล (ตอนนั้น ยังไม่มีดิจิตอล)
มีไม่กี่หน้า ที่เค้าถ่ายด้วยกล้องขนาดใหญ่ในสตูดิโอ ซึ่งเค้าก็มีฝีมือดีพอตัว(เค้าไม่ได้มีอาชีพเป็นช่างภาพนะ)
ช่วงเวลานั้นเองที่ทำให้ผมรู้ว่า ไม่จำเป็นต้องเป็นกล้องตัวโตๆ เลนส์ใหญ่ๆ เท่านั้น ที่จะดูเป็น โปรเพสชั่นนอล
มุมมอง เป็นสิ่งสำคัญมากกว่า ส่วนเรื่องการจัดองค์ประกอบ แสง สี เป็นเหมือนเครื่องมือในการสื่อสารมุมมองนั้นให้ได้ผล
และมีความงดงามที่ส่งผลต่อจิตใจของผู้เห็น หรือที่มนุษย์เรานิยามความรู้สึกนี้ว่า "ศิลป"
จะกล้องเล็ก กล้องใหญ่ ถูกหรือแพง ถ่ายแบบไหน มากน้อยเท่าไหร่ ไม่น่าไปหงุดหงิดด้วยหรอกครับ
เป็นตัวเราเอง สื่อสารแบบของตัวเราเอง มีความสุขจากสิ่งของเราเอง น่าจะดีที่สุด ไม่งั้น ขมวดคิ้วทั้งวัน
ผมเองจะไล่ลบภาพที่ไม่ชอบหรือซ้ำออก ก่อนที่จะโหลดลงคอมพิวเตอร์ เพราะขี้เกียจรอเวลามันโหลด ยิ่งเยอะยิ่งนานอ่ะ
บางทีถ่ายเยอะมาก กดอย่างเดียว เพราะคิดว่า มันอาจจะสำคัญนะ แต่พอมานั่งดูจากกล้อง แล้วก็ลบมันออกไปหมดเลยก็มี
แล้วคิดกับตัวเองว่า "ถ่ายอะไรนักหน่าเนี่ยตรู" ฮ่า ๆ ๆ ๆ
โลโม่ มีแฟนๆเป็นจำนวนมากอยู่ทั่วโลก สโลแกนที่หลายคนชอบ ประกอบกับ สไตล์ภาพ ของ โลโม่ ทำให้ทุกคนยอมรับมัน
"Don't think, just shoot"
มาถ่ายภาพด้วยความสุขกันนะครับ
(พิมพ์เพลินเลยอ่ะ)
อีกนิดนึง ที่พี่เต๋๊นท์ว่า ฟีล์มม้วนนึง ได้ 36 รูป ผมเคยทำสถิติกับ FM2 ได้ 39 รูป และกับ F601 ได้ 42 รูป
โดยการบรรจงใช้หัวฟีล์ม เกี่ยวกับหนามเตยให้ได้ตั้งแต่ปลายหัวเลย เพราะตอนเรียนคิดเสมอว่า กดชัตเตอร์1ครั้ง เท่ากับ8บาท
ตอนเรียนต้องประหยัด เลยหาวิธีทำให้มันถ่ายได้เยอะที่สุด ฮ่า ๆ ๆ ๆ
ก็เหมือนยิงธนู ถ้าจะเพื่อความสุข ใช้กล้องอะไรก็ได้ ธนูอะไรก็ได้
แต่ถ้าเป็นงานเป็นการ ก็เลือกให้เหมาะกับงาน และเหมาะกับเรา :p
Drunken_Writer
21-02-12, 01:41 AM
ภาพถ่าย ลายเส้นวาด..............งามพิลาศ ออกจากใจ
บันทึก ความหลังไว้.................คอยตักเตือน วันคืนสุข
มุมมอง ผ่านช่องเหลี่ยม............แท้มิเทียม สุขลืมทุกข์
ภาพพูด ใจสนุก......................งดงามเทียบ สรวงสวรรค์
กดกล้อง ดังแชะแชะ................งามแน่แน่ ดังใจสรร
เก็บไว้ทั้งคืนวัน.......................ที่ผันผ่าน มิอาจคืน
รอบกองไฟของแท้ต้องมีคนพาออกทะเล.... :D
พูดกันเรื่องภาพถ่าย ฟิลม์ / ดิจิตอล...เราลืมไปแล้วหรือว่าถ้าย้อนไปสักร้อยปีก่อน...
ใครเขียนไว้ก็ม่ายรุ้....
ในปีใดไม่ปรากฎ จิตรกรปิกัสโซ่ ได้วาดภาพ จอร์จ อีสแมน ไว้เพื่อเตรียมส่งให้พิพิธภัณฑ์
ปิกัสโซ่ ใช้กรอบผ้าใบตั้งบนขาตั้งเก้งก้างดั่งไดโนเสาร์ อีสแมนเข้ามาในสูดิโอ ไม่ได้มองหน้าจิตรกรแม้แต่นิด
อีสแมนจ้องมองแต่เฟรมผ้าใบและชุดภู่กันและพูดว่า "สวดยวดนายใช้สีน้ำมันด้วย"(ทำนองนั้น,ผู้แปล)
ปิกัสโซ่ตอบกลับว่า "I don't feel like Photography is quite here yet" อีสแมนบอกว่า"Agreed"
แล้วหันมาจ้องปิกัสโซ่แล้วพูดว่า "But we will get there"
และนี่คือภาพที่ปิกัสโซ่วาภาพอีสแมนไว้
http://www.pantown.com/data/1892/board7/22-20060808210451.jpg
"อยากรู้นักว่า Photography จะใส่ Imagination ลงไปได้เท่าหร่ายอ่ะ" ปิกัสโซ่คิดในใจ
:D:D:D
ปล.เรื่องทั้งหมดเป็นเหตุการณ์ที่ "ล้อเล่น" เฉยๆ นะครับ ภาพวาดนี้เป็นภาพชื่อ Garcon a la Pipe (Boy with a Pipe) ที่ปิกัสโซ่วาดขึ้นในปี 1905 สีน้ำมันบนผืนผ้าใบแสดงเด็กชายชาวปารีสคนหนึ่งกำลังถือไปป์ในมือซ้าย
และภาพเขียนภาพนี้มีการตีมูลค่ากันไว้แค่ 106 ล้านเหรียญ ($106,910,000) เท่านั้นเอง!!!!
ตำนานแห่งความเปลี่ยนแปลงที่นักมานุษยวิทยามักหยิบยกขึ้นมาอ้างถึงคือ "ทฤษฎีสังคม เยอร์ โยรอนต์" ครับ
ชาว เยอร์ โยรอนต์ (Yir Yoront) เป็นชนเผ่าพื้นเมืองในทวีปออสเตรเลีย
แรกเริ่มที่ถูกค้นพบวัฒนธรรม เยอร์ โยรอนต์ ยังอยู่ในขั้นเครื่องมือหิน
แต่ละครอบครัวจะมีเครื่องมือขวานหินซึ่งอยู่ในความครอบครองของหัวหน้าครอบครัวเท่านั้น
หากสมาชิกคนอื่นในครอบครัวมีความจำเป็นต้องใช้ขวานหิน จะต้องมาขออนุญาตจากหัวหน้าครอบครัว
เพราะขวานหินผลิตได้ยาก มีจำนวนจำกัด ต้องใช้ช่างฝีมือเฉพาะทางผลิต
การจะครอบครองขวานหินสักชิ้นต้องเอาทรัพยากรที่ครอบครัวมีอยู่ไปแลกมา
ขวานหินในวัฒนธรรม เยอร์ โยรอนต์ จึงเป็นของสำคัญ ของศักดิ์สิทธิ์
และเป็นสัญลักษณ์แสดงถึง "การแบ่งลำดับชั้น สถานะทางสังคม"
ต่อมาเมื่อชาวตะวันตกเข้ามาถึง เห็นขวานหินที่มีจำกัดแล้วรู้สึกว่า เยอร์ โยรอนต์ ด้อยพัฒนา
ต้องการช่วยเหลือ จึงเอาขวานเหล็กสมัยใหม่เข้ามาแจกให้ชาว เยอร์ โยรอนต์ ใช้จำนวนมาก
เมื่อคนในเผ่าต่างก็มีขวานเหล็กเป็นของตัวเอง ต่อไปเมื่อจะทำอะไรก็ไม่ต้องมาขออนุญาตใช้ขวานหินของหัวหน้าครอบครัวอีก
แต่การณ์กลับกลายเป็นว่า การลำดับชั้นทางสังคมของ เยอร์ โยรอนต์ ที่เป็นไปตามธรรมชาติได้ล่มสลายลง
ขวานหิน (และหัวหน้าครอบครัว) ไม่ได้รับการยกย่อง ไม่ได้รับการยอมรับเหมือนในอดีต
สมาชิกในครอบครัวคนอื่น ทั้งผู้หญิง และเด็กไม่เข้าใจบทบาทหน้าที่ทางสังคมของตัวเอง
และลุกลามไปจนถึง การที่ไม่อาจคาดคะเนพฤติกรรมของผู้อื่นได้
ชาว เยอร์ โยรอนต์ จึงเกิดความเครียด และสภาพสังคมชนเผ่าก็ล่มสลายลงในที่สุด
ดังที่กล่าวมา
ถ้าจะเปรียบง่ายๆ ก็คือ
เมื่อก่อนเรามี "ช่างถ่ายภาพ" โดยเฉพาะ
ไม่ว่าจะเก่งมาก หรือเก่งน้อย ไม่ว่าจะเป็นช่างถ่ายภาพมืออาชีพ หรือช่างถ่ายภาพมือสมัครเล่น
แต่ก็ต้องอาศัยความสามารถเฉพาะทางในการถ่ายให้ได้ภาพ
คนอื่นทั่วไปที่ไม่มีความรู้จะไม่ใคร่กล้าลงมือถ่ายภาพ เพราะเกรงว่าภาพจะเสีย
ผมเคยอ่านหนังสือเกี่ยวกับการถ่ายภาพของคุณพยุง จอมพิทักษ์ ที่ตีพิมพ์ไว้เมื่อ สี่สิบ-ห้าสิบ ปี ก่อน
มีการกล่าวถึงช่างถ่ายภาพที่รับงานถ่ายรูปตามสวนสาธารณะ สถานที่ท่องเที่ยว
แต่เมื่อไม่นานมานี้ ผมมีโอกาสได้ไปที่สวนโมกข์ฯ ซึ่งอยู่ในบริเวณสวนรถไฟ
ระหว่างทางที่เดินผ่านสวนรถไฟได้พบเห็นคนมากมาย ทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ วัยรุ่น ต่างก็มีกล้องถ่ายรูปติดมาถ่ายภาพกัน
ในคณะที่ผมเดินไปด้วยมีอาจารย์จากหลายสาขาวิชา หนึ่งในนั้นเป็นอาจารย์ด้านการถ่ายภาพจากเทคนิคกรุงเทพฯ
ผมก็พูดถึงสิ่งที่ผมตั้งข้อสังเกตเรื่องการถ่ายภาพให้แกฟัง
ก็ได้คำตอบกลับมาประโยคหนึ่งว่า "เดี๋ยวนี้... "ใครๆ ก็เป็นช่างถ่ายภาพได้" "
แน่นอนว่า ความหมายนั้นไม่ได้รวมถึงภาพถ่ายชั้นเลิศที่สื่อถึงจิตวิญญาณอะไรประมาณนั้น
แต่วิทยาการก็ทำให้ "อะไรๆ ที่เคยยาก ดูง่ายขึ้น"
ผมคิดว่าด้วยเหตุนี้ ความเป็นช่างถ่ายภาพจึงถูกลดบทบาทลงในบางสังคม
ที่พูดเผื่อไว้เช่นนั้นเพราะบางคนอาจแย้งว่า
ในบางงาน ความจำเป็นที่จะต้องใช้ช่างถ่ายภาพมืออาชีพก็ยังคงมีอยู่ ซึ่งก็ยังคงเป็นความจริงครับ :)
ครูหนึ่ง
21-02-12, 11:18 PM
โอ้......ท่านแวบมา...ไม่ลากออกทะเลแฮะ.......หรือนี่คือ "กลลวง" :rolleyes::rolleyes:
โอ้......ท่านแวบมา...ไม่ลากออกทะเลแฮะ.......หรือนี่คือ "กลลวง" :rolleyes::rolleyes:
ตามนี้ครับ :rolleyes:
ขอเป็นแนววิชาการสักหน่อยนะครับ(นานๆ ที ผมจะมีสาระ)
กรณีของการถ่ายภาพ
ผมคิดว่าเทียบได้กับทฤษฎีทางมานุษยวิทยาเรื่อง "เยอร์ โยรอนต์" ครับ
เป็นอย่างไรไว้เดี๋ยวค่อยมาต่อ ขออนุญาตไปทำงานก่อนครับ แวบมาได้แป๊บเดียว :p
นานๆ ที อย่าคิดว่าจะมีบ่อย :p
The_Ttent
23-02-12, 06:41 AM
"เดี๋ยวนี้... "ใครๆ ก็เป็นช่างถ่ายภาพได้" "
ผมว่า เดี๋ยวนี้ ใครๆก็ถ่ายรูปได้
ในบางงาน ความจำเป็นที่จะต้องใช้ช่างถ่ายภาพมืออาชีพก็ยังคงมีอยู่ ซึ่งก็ยังคงเป็นความจริงครับ :)
อันนี้ก็ยังจริงอยู่ตามที่ว่า
ตาเกิ้น
23-02-12, 07:59 AM
ผมคิดว่ากล้องและอุปกรณ์เป็นเพียงเครื่องมือ กล้องดิจิตอลทำให้การถ่ายภาพง่ายและสะดวกขึ้นมาก ทำให้คนจำนวนมาก"เข้าถึง" การถ่ายภาพได้มากขึ้น เทคนิคพื้นฐานที่เคยยาก เช่นการวัดแสง การผสมแสงธรรมชาติกับแสงแฟลช ฯลฯ กลายเป็นเรื่องง่าย
ขณะเดียวกันก็ช่วยให้ "ช่างภาพอาชีพ" สร้างสรรค์ผลงานได้ดีมากขึ้นอีกมากมาย
หากแต่ช่องว่างระหว่าง "ช่างภาพ" กับ "คนที่ชอบถ่ายภาพ" คงเป็นความสามารถทางศิลป์ที่ไม่สามารถ ชดเชยได้ด้วยอุปกรณ์เสริม ไม่สามารถช่วยได้จากจำนวนภาพที่ถ่่ยมาเผื่อเลือก
ยกตัวอย่างที่ประสบมาด้วยตัวเองก็คือ เมื่อไปออกทริปทำงานกับคุณนัท (สุมนเตมีย์) ผมก็ถือกล้องรุ่นเดียวกัน ไปที่เดียวกันพร้อมๆกัน บางทีถ่าย subject เดียวกัน แต่พอดูรูปในกล้องนัท ผมถึงกับผงะ "ไปถ่่ายที่ไหนมาว่ะนี่"
หลังๆนี่ผมในฐานะนักเขียน จึงมุ่งเก็บเรื่องราวรอบตัวให้มากที่สุดโดยไม่จำกัดสายตาในช่องมอง ใช้กล้องถ่ายภาพน้อยลง แต่ใช้ "เพื่อน" ถ่ายภาพแทนครับ
ว่าแล้วเมื่อไหร่ไปถ่่ายภาพด้วยกล้อง large format กันดี;)
ผมว่า เดี๋ยวนี้ ใครๆก็ถ่ายรูปได้
แหม... จำมาผิดนิดผิดหน่อยก็ไม่ได้ :mad:
แต่ผมคิดว่า ถึงผิดก็ไม่มาก
นอกจากเต็นท์จะมีมาตรฐานที่จำกัดนิยามคำว่า "ช่างถ่ายภาพ" ว่าต่างจาก "คนถ่ายรูป" อย่างไร
ให้มีคำอธิบายเป็นรูปธรรมชัดเจน
อันนี้ก็ยังจริงอยู่ตามที่ว่า
เห็นว่าผมชอบอำเล่นหรือไง ผมพูดเรื่องจริงนะ :p
ครูหนึ่ง
23-02-12, 07:21 PM
เห็นว่าผมชอบอำเล่นหรือไง ผมพูดเรื่องจริงนะ :p
เอาละเริ่มแล้ว.....เห็นปากอ่าวรำไร....:D
Drunken_Writer
23-02-12, 09:19 PM
หลังจากกลับมาจากทริปพา นิสิตไปทัศนศึกษาที่สุโขทัย
หนึ่งในนั้นเปน นิสิต สาขา นิเทศศาสตร์ ก็คัดเลือกรูปนำมาให้ชม
ผ่านไปสองสัปดาห์นิสิตมาหา พร้อมถามว่า "อาจารย์ครับ รูปที่ผมส่งให้ดูเปนยังไงบ้าง?"
ผมจึงถามกลับไปว่า "แล้วเรารู้สึกว่ามันเปนอย่างไรล่ะ"
นิสิตตอบกลับมาอีกว่า "ผมดูแล้วอึดอัด เหมือนภาพมันขาดอะไรไปอย่างหนึ่ง"
ผมจึงตอบกลับไปว่า "ขาดชีวิตและจิตวิญญาณไง เจ้าถ่ายโดยไม่คำนึงถึงจิตวิญญาณของวัตถุ บุคคล สถานที่ที่เจ้ามอง
เจ้าใช้กล้องดิจิตอล กดๆๆๆๆๆๆ แล้วดูรูปที่คอมโพสิชั่นสวยมาให้ครูเพียงบางรูป
ครูยอมรับว่ารูปที่ส่งมาให้ดู ดูผ่านๆ สวย แต่ภาพไม่สื่อ หรือไม่บอกเรื่องราวความรู้สึกของเจ้าเลย
ต่อไปก่อนกดชัตเตอร์ จงมองผ่านเลนส์แบบใส่วิญญาณความรู้สึกกับสิ่งที่เราต้องการถ่ายทอดผ่านภาพถ่ายออกมา
แล้วภาพถ่ายจะมีชีวิต มีวิญญาณ มีเรื่องราวการบอกเล่ามากกว่าคำพูดมากมาย....องค์ประกอบ แสงเงา โน่นนี่นั่น ไม่จำเปนว่าต้องสมบูรณ์ตามทฤษฎี
แต่ขอให้ภาพมีชีวิต บอกเล่าเรื่ิงราวที่เราต้องการสื่อก็พอ ที่สำคัญ หาความรู้เกี่ยวกับสิ่งที่จะถ่ายสักหน่อย จะทำให้เราเข้าใจสิ่งที่เรากำลังมองมากขึ้น"
นิสิตตอบว่า "ครับ อาจารย์ เดี๋ยวผมจะลองไปหัดถ่ายแบบละเอียดๆ บรรจงถ่ายมาให้ดูนะครับ เดี๋ยวลองใหม่"
แล้ว นิสิตก็เดินจากไป
ด้วยความเห็นส่วนตัวของผม ไอ้หมอนี่มัน "ใช้ได้"
คิดถึงกล้องฟิล์ม กว่าจะบรรจงกดชัตเตอร์ คิดแล้วคิดอีกว่า....ภาพนี้จะบอกอะไร
โดยเฉพาะเวลาถ่ายพอตเทรท งานรับปริญญาหรืองานแต่งงาน
รูปที่ผมถ่าย ไม่ค่อยสวย ไม่เคยเป๊ะ
แต่คนที่จ้างผมไปถ่าย มองภาพความทรงจำของตนเองด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มอย่างมีความสุขทุกคน
สุดท้าย จะถ่ายอะไรก็ถ่ายเถอะครับ ของให้มีความสุขในการถ่าย...............รูป ครับ
เอ่อ หมายถึง ชัตเตอร์กดติดวิญญาณ หรือขอรับ
น่าสนใจมากนะขอรับ บางทีถ่ายภาพแล้วมีเงาตะคุ่มๆ
คล้ายหน้าคนแก่ในภาพ พอไปสืบค้น มีจริงๆด้วยแบบ
ว่าประมาณปู่โสมเฝ้าทรัพย์รัยงี้ขอรับ บรื๋อ! ลุกขน เอ๊ย ขนลุก :eek:
The_Ttent
25-02-12, 11:45 AM
เอ่อ หมายถึง ชัตเตอร์กดติดวิญญาณ หรือขอรับ
น่าสนใจมากนะขอรับ บางทีถ่ายภาพแล้วมีเงาตะคุ่มๆ
คล้ายหน้าคนแก่ในภาพ พอไปสืบค้น มีจริงๆด้วยแบบ
ว่าประมาณปู่โสมเฝ้าทรัพย์รัยงี้ขอรับ บรื๋อ! ลุกขน เอ๊ย ขนลุก :eek:
รุ่นน้องคณะผม เคยไปถ่ายรูป ทำ Light painting (ถ่ายตอนกลางคืน แล้วใช้ไฟ หรือแฟลช สาดไปบนวัตถุ บ้างก็ย้อมให้เป็นสีต่างๆ) ที่อุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย สุโขทัย
หนึ่งในนั้นพูดขึ้นมาลอยๆว่า "เฮ้ย กูอยากเห็นกินรีว่ะ" เพื่อนที่เดินด้วยกันก็ด่าบ้าง หัวเราะบ้าง
แล้วเจ้านี่กับเพื่อนอีกสามคน ก็เป็นกลุ่มสุดท้ายที่เดินออกมา ไอ้คนพูด เดินนำ แต่กินรีที่มันอยากเห็น ไอ้เพื่อนสามคนที่เดินตามมา เห็นกันเต็มตา เดินอยู่กลางลานหญ้าเลยครับ
ไอ้สามคนนั่น ก็โกยตีนหมากันออกมา ปล่อยให้ไอ้คนอยากเห็นวิ่งเหยาะๆตามออกมาทีหลัง
เอ่อ หมายถึง ชัตเตอร์กดติดวิญญาณ หรือขอรับ
น่าสนใจมากนะขอรับ บางทีถ่ายภาพแล้วมีเงาตะคุ่มๆ
คล้ายหน้าคนแก่ในภาพ พอไปสืบค้น มีจริงๆด้วยแบบ
ว่าประมาณปู่โสมเฝ้าทรัพย์รัยงี้ขอรับ บรื๋อ! ลุกขน เอ๊ย ขนลุก :eek:
เอ่ออออ...
จะหมายถึง "วิญญาณในภาพถ่าย" อย่างนี้หรือเปล่านะขอรับ
<iframe width="420" height="315" src="http://www.youtube.com/embed/7cvlYhaAK14" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>
ส่วนมากคนทั่วไปอาจจะคิดว่าเพลงนี้ต้นฉบับขับร้องโดยคุณสุเทพ วงศ์กำแหง
แต่จริงๆ แล้ว เพลงนี้มีการขับร้องบันทึกลงแผ่นเสียงไว้ครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2503 โดยคุณทิวา เด่นประภา ก่อนหน้าคุณสุเทพ ครับ :)
<iframe width="420" height="315" src="http://www.youtube.com/embed/8-4MPlKOI-M" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>
earl of huntingdon
26-02-12, 04:45 PM
ไหนๆก็ไหนๆ เอาแบบนี้ถ่ายก็แล้วกัน :p
http://a2.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash4/419438_310087875718616_100001522198317_886265_406297521_n.jpg
เวลาถ่ายภาพ ถ้าเป็นถ่ายเล่นก็จะกดๆ ไว้ก่อน เป็นคนชอบ Snap ครับ คือเจออะไรก็กดไว้ดูเล่น
ให้ภาพมันแสดงถึงเหตุการณ์และสิ่งนั้นๆมากที่สุด ให้มันเป็นของมันเช่นนั้น
http://a5.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc6/162937_184642731552115_100000191680746_731942_7216795_n.jpg
http://a3.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc6/74671_184642354885486_100000191680746_731929_2434420_n.jpg
แต่ถ้าถ่ายจริงจัง รับงาน รับเงินก็ต้องละเมียดละไมขึ้นอีก
ส่วนตัวก็ชอบรูปที่มีอารมณ์ และความรู้สึกมากกว่าจัดท่า แอ๊คถ่ายสวยๆไปงั้น
จะว่ายากก็ยาก เพราะเราต้องไปถ่ายกับคนที่ไม่เคยรู้จักกัน เพื่อนก็ไม่ใช่ ใครก็ไม่รู้ -_-"
ต้องอาศัยทำความคุ้นเคยกันพอสมควรเลย กว่าจะได้ลงมือถ่ายจริง โดยมากรูปที่ดีๆมักจะเป็นรูปเซ็ทท้ายๆ ของวันนั้นเสมอ :D
พอจะสรุปได้ว่าถ่ายให้ได้อารมณ์ เรียกอารมณ์ สร้างอารมณ์ร่วม ยากกว่าถ่ายให้สวยครับ ซึ่งลิงน่าจะทำไมได้แน่นอน 555 :fighting0023:
http://a2.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc7/406408_372094596140260_100000191680746_1670394_1682568615_n.jpg
http://Multiply.com/mu/bplanet/image/3/photos/114/1200x1200/1/cover.jpg?et=x1Afqqttlv%2Bwo6e5qmIFTA&nmid=381784772
ว่าแล้วก็คัน พรุ่งนี้ออกไปเดินถ่ายรูปดีกว่า :p
The_Ttent
26-02-12, 06:56 PM
พอจะสรุปได้ว่าถ่ายให้ได้อารมณ์ เรียกอารมณ์ สร้างอารมณ์ร่วม ยากกว่าถ่ายให้สวยครับ ซึ่งลิงน่าจะทำไมได้แน่นอน 555 :fighting0023:
ได้สิ ได้อารมณ์เสียไง เอร๊ยยยยย มันปัดกล้องตกเว๊ยยยยยย :fighting0023::fighting0023::fighting0023:
ว่าแล้วก็คัน พรุ่งนี้ออกไปเดินถ่ายรูปดีกว่า :p
คัน....ทายาก่อนดีกว่ามั๊ย หายแล้วค่อยออกไปเดินถ่ายรูปก็ได้นะ;););)
ผมว่า เดี๋ยวนี้ ใครๆก็ถ่ายรูปได้
เมื่อวันก่อนไปดูพระอาทิตย์ตกตรงช่องประตูปราสาทเขาพนมรุ้ง
ได้เห็นข้อพิสูจน์คำกล่าวที่ว่านี้แล้วครับ
ตามการคาดคะเน พระอาทิตย์จะตกตรงช่องประตูประมาณ ๑๗.๕๕ - ๑๘.๐๕ น.
ผมไปรอตั้งแต่สี่โมงเย็น พอห้าโมงเศษก็ไปจองที่ตั้งกล้องบริเวณสะพานนาคราชชั้นบน
ส่วนที่ลานด้านหน้าซุ้มประตูปราสาทมีชาวบ้านที่ส่วนมากค่อนข้างมีอายุมานั่งราบกับพื้นรอดูกันอย่าเป็นระเบียบเรียบร้อย
แต่พอใกล้หกโมงเย็น ฝูงชนที่ไหลเข้ามาได้ลงไปยืนรอกันบริเวณหน้าบันไดขึ้นประตูปราสาท
โดยไม่สนใจว่าจะบังคนเฒ่าที่มานั่งรออยู่ก่อน
บางคนถึงกับขึ้นขี่คนเพื่อนเพื่อให้ได้อยู่สูงกว่าคนอื่น
และที่เห็นกันบ่อยทุกวันนี้จนเจนตาคือ
แต่ละคนต่างชูมือที่ถือโทรศัพท์ขึ้นสลอนจนในช่องมองภาพของผมที่เล็งมุมไว้อย่างดีแล้วเต็มไปด้วยภาพ "มือ"
จริงอยู่นั่นทำให้ผมรู้สึกถึงชีวิตชีวา รู้สึกถึงความเป็น "คน" (แบบไหนที่คงไม่ต้องบรรยาย)
และที่ทำให้ผมได้ทราบอีกเรื่องหนึ่งคือ "มารยาทของนักถ่ายภาพ"
จริงอยู่ที่ภาพการแก่งแย่งเบียดบังกันในบางครั้งเพื่อที่จะให้ได้ภาพ ที่คิดว่าดี
แต่สมัยก่อนคนจะทำอย่างนั้นต้องลงทุนซื้อหากล้อง ลงทุนศึกษาวิธีการถ่ายภาพมาบ้าง
ในขณะที่ทุกวันนี้ "ใครๆ ก็ถ่ายภาพได้" และอยากถ่ายภาพ
โดยไม่สนใจว่าการกระทำอย่างนั้นทำให้หลายครั้งหลายคนต้องสูญเสียโอกาสที่จะได้สร้างภาพดีๆ ของเขาไปครับ :crying:
ผมถึงถ่ายภาพที่คนอื่นมองไม่เห็นไง เลยไม่ต้องไปแย่งกะคนอื่น
ผมถึงถ่ายภาพที่คนอื่นมองไม่เห็นไง เลยไม่ต้องไปแย่งกะคนอื่น
ผมมองกลับมุมว่า
ข้อดีของการณ์นี้คือ
ได้ภาพมือถือเต็มช่องประตูที่ดวงอาทิตย์ลอดผ่าน
แทนที่จะได้แค่ภาพกรอบประตูธรรมดาๆ ที่ช่างภาพเก่งๆ เขาก็คงถ่ายกันได้ ดูมีชีวิตชีวาไปอีกแบบหนึ่งครับ ;)
คุณครูใจร้าย
11-03-12, 12:59 AM
คนที่ "มี" กล้อง DSLR เช่น Canon, Nikon ก็เป็น"เจ้าของ"กล้อง Nikon, Canon
แต่ยังไม่ใช่ Photographer นะครับ :)
คนที่ "มี" กล้อง DSLR เช่น Canon, Nikon ก็เป็น"เจ้าของ"กล้อง Nikon, Canon
แต่ยังไม่ใช่ Photographer นะครับ :)
คุณครูมาก็ดีแล้ว
กำลังอยากได้คำจำกัดความของ Photographer อยู่พอดีเลยครับ :D
Drunken_Writer
11-03-12, 06:13 AM
คนที่ "มี" กล้อง DSLR เช่น Canon, Nikon ก็เป็น"เจ้าของ"กล้อง Nikon, Canon
แต่ยังไม่ใช่ Photographer นะครับ :)
แจ่ม โดนใจ
The_Ttent
11-03-12, 09:18 AM
คุณครูมาก็ดีแล้ว
กำลังอยากได้คำจำกัดความของ Photographer อยู่พอดีเลยครับ :D
อาจารย์ ดุสิตา นรินทรางกูล ณ อยุธยา เคยบอกในวิชาสุนทรีย์ศาสตร์ไว้ว่า ศิลปิน คือผู้ทำงานศิลปะ ไม่ว่าจะเด็ก ผู้ใหญ่ คนแก่ ที่ทำงานศิลปะ ล้วนแล้วแต่เป็นศิลปิน
สำหรับผมแล้ว ศิลปินที่ยิ่งใหญ่ คือคนสร้างงานศิลปะแล้วเป็นที่นิยมในวงกว้าง หรือถูกใจมหาชน ซึ่งนั่นไม่ได้หมายความว่า ผู้สร้างงานศิลปะที่ไม่เป็นที่นิยมจะไม่ใช่ศิลปิน
ช่างภาพ ก็คือคนที่ถ่ายรูป จะหลับหูหลับตากดชัตเตอร์ออกมา ยังไงก็ตาม ภาพนั้นมีคำจำกัดความและความหมายของมันเอง คนที่ดูอาจไม่เข้าใจ หรือไม่เห็นด้วย แต่ช่างภาพหรือคนที่ถ่ายก็รับรู้และเข้าใจ ซึ่งก็เหมือนกับที่ได้กล่าวไว้ข้างต้น ภาพนั้นมีคนเห็นแล้วชอบหลายคน มันก็จะเป็นภาพที่ถูกกล่าวถึงกันในวงกว้าง คนที่ถ่ายมาก็อาจกลายเป็นช่างภาพที่ยิ่งใหญ่ แต่ไม่ได้หมายความว่า ผู้ที่ถ่ายภาพแล้วไม่มีคนชอบจะไม่ใช่ช่างภาพ
ศิลปะ ไม่มีถูก-ผิด มีแค่ ชอบ-ไม่ชอบ รสชาติอาหารอร่อยที่คนชิม งานศิลปะก็สวยงามที่คนชม เช่นกัน
ปล. ผมเองก็เป็นช่างภาพที่ยิ่งใหญ่ครับ ยิ่งถ่ายรูปมาก ยิ่งใหญ่มาก ตั้งแต่ถ่ายรูปมา รอบเอวไม่ได้ลดลงเลย ยิ่งใหญ่ขึ้นทุกวัน อ้อ แล้วยังเป็นช่างภาพมือหนึ่งด้วยครับ เพราะอีกมือหนึ่งต้องถือขนม:D:D:D:D:D
คุณครูใจร้าย
13-03-12, 01:39 AM
คุณครูมาก็ดีแล้ว
กำลังอยากได้คำจำกัดความของ Photographer อยู่พอดีเลยครับ :D
นั่นสิครับ คำจำกัดความของ photographer ดูเหมือนจะยาก (เพราะไม่เคยคิดเลย 555 )
ถ้าเอาตามคำจำกัดความก็น่าจะเป็น "คนที่ถ่ายภาพได้อย่างมืออาชีพ"
แต่สำหรับผม คนที่ "คิดก่อนถ่าย" ก็คือ photographer แล้วครับ (ซึ่งในสมัยก่อน คนที่ถือกล้องทุกคนต้องคิดก่อนถ่ายอยู่แล้ว เพราะทุกอย่างกลายเป้นต้นทุน ฟิล์ม 1 ม้วน ค่าล้าง ค่าอัด)
"คิดก่อนถ่าย" ภาพอาจจะออกมาไม่ดีก็ได้แล้วแต่ทักษะของแต่ละคน แต่ก็ถือว่าได้ใช้ความคิดในการสื่อออกมาเป็นภาษาภาพแล้ว (เป็นการแปลง ความคิดของตัวเอง ---> สัญลักษณ์ภาษาภาพ ---> ภาพถ่าย)
นี่คือ photographer ในความคิดผมครับ:)
อันนี้ความเห็นส่วนตัวน่ะครับ :)
The_Ttent
13-03-12, 09:45 AM
"คิดก่อนถ่าย" ภาพอาจจะออกมาไม่ดีก็ได้แล้วแต่ทักษะของแต่ละคน แต่ก็ถือว่าได้ใช้ความคิดในการสื่อออกมาเป็นภาษาภาพแล้ว (เป็นการแปลง ความคิดของตัวเอง ---> สัญลักษณ์ภาษาภาพ ---> ภาพถ่าย)
เห็นด้วยๆๆๆ
Ancient
15-03-12, 05:01 PM
กระทู้นี้เครียดจัง :confused:
ผมก็คิดว่าตัวเองเป็นแค่คนเล่นกล้อง ไม่ใช่ช่างภาพ
ผมยังอายน้องๆ ที่หาดใหญ่หลายคน ที่ใช้อุปกรณ์ราคาไม่แพง แต่ทำเงินได้มากมาย :o
Thammaluk
15-03-12, 05:08 PM
ผมก็คิดว่าตัวเองเป็นแค่คนเล่นกล้อง ไม่ใช่ช่างภาพ
เหมือนกัน :2TU:
Stars Under The Sky
15-03-12, 05:27 PM
บางคน ที่ผมเคยได้ยินมา อาจจะให้คำจำกัดความอย่างหนึ่งของ Photographer ว่า อย่างหนึ่ง คือ ต้องสามารถสร้างรายได้จากการถ่ายรูปได้ ถ้าเป็นเมื่อก่อน ก็ต้องถึงขั้นเป็นตากล้องอาชีพ เป็นรายได้หลักเต็มตัว ถึงจะเรียกตัวเองว่า Photographer ได้อย่างเต็มปากเต็มคำ หากแต่สมัยใหม่ ก็ไม่ต้องถึงขั้นเป็นรายได้หลัก หรืออาชีพหลัก แต่ต้องได้เงิน ได้รายได้ จากการถ่ายภาพบ้าง ถึงพอจะเรียกตัวเองว่าเป็น Photographer ได้ . . .
ส่วนตัวผมคิดว่า คำจำกัดความนี้ คงใช้ไม่ได้กับยุคนี้เท่าไร
เรื่องตากล้องน่ะผมรู้ดี นี่ไงครับ ;)
http://www.thaitambon.com/thailand/Nakhonphatom/730105/730105A81.jpg
http://img262.imageshack.us/img262/125/image232resize.jpg
:D :D :D
Powered by vBulletin® Version 4.2.3 Copyright © 2025 vBulletin Solutions, Inc. All rights reserved.