Stars Under The Sky
20-03-12, 05:30 PM
ทัวร์นครวัด-นครธม ( ทางรถ3วัน/2 คืน )
Highlight : นครวัด–นครธม-บันทายสรี-ตาพรม-พระขรรค์ขนาคพัน-ตาสม-บาแคง
กำหนดการเดินทาง : วันศุกร์ที่ 30 มี.ค. – วันที่ 1 เมษายน
วันแรก(ศ.30 มี.ค.) กรุงเทพ-ตลาดโรงเกลือ-ปอยเปด-เสียมเรียบ (เช้า(กล่อง)/กลางวัน/ค่ำ)
05.00 น. พร้อมกันณ จุดนับพบ................. จากนั้นออกเดินทางโดยรถมินิบัสปรับอากาศ สู่ตลาดโรงเกลือ อ.อรัญประเทศ(250 กม.) บริการอาหารเช้า( แซนวิช,ขนมปัง,ส้ม,เครื่องดื่ม)
08.30 น. เดินทางถึงด่านอรัญ พบกับเจ้าหน้าที่ประสานงานายแดน ให้การต้อนรับท่าน จากนั้นนำท่านผ่านพิธีการตรวจคนเข้าออกเมืองไทย-กัมพูชาเรียบร้อยแล้ว พบกับมัคคุเทศก์ท้องถิ่น หลังจากนั้นนำท่านสู่จังหวัดเสียมเรียบโดยรถปรับอากาศรวมระยะทาง154กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ2ชม.ครึ่งระหว่างการเดินทางผ่านหมู่บ้านชนบทสร้างบ้านสูงหลังคามีจั่วเป็นเอกลักษบ้านโบราณและบางช่วงผ่านท้องทุุ่ง กว้างใหญ่ ช่วงฤดูทำนาออกเป็นสีเขียวช่วงเก็บเกี่ยวออกเป็นสีเหลืองได็บรรยากาศอีกแบบหนึ่งฯ มีแบ่งเป็นสามระยะ(ระยะแรก50กม จากปอยเปดถึงจังหวัด บันเตียเมียนเจย(ศรีโสภณ)ระยะที่สอง50กม จาก บันเตียเมียนเจยถึงอ.กรอลัน จุดแวะห้องน้ำ10นาทีและระยะที่สาม50กม จาก อ.กรอลัน ถึงเสียมเรียบ แล้ว
เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร ในเสียมรียบ
บ่าย นำท่านเข้าสู่ที่พัก เช็คอิน แล้ว ล้างหน้าล้างตาเพื่อความสดชื่น แล้วนำท่านสู่ดินแดนรอยยิ้มแห่งปราสาทบายน ในเมืององค์โกร์ธม(นครธม) ที่มีกำแพงและคูน้ำล้อมรอบเป็นสี่เหลี่ยม จัตุรัส ด้านละ3กม โดยผ่านประตูที่มีรูปแกะสลักเป็นเทวดาอยู่ด้านหนึ่งและอสูรอยู่ด้านกำลังยึดตัวพญานาคเหมือนราวสะพานที่ทอดลำตัวยาวประมาณ 50ม ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของสายรุ้งเชื่อมระหว่างโลกมนุษย์และโลกของเทพเจ้าฯ ชมปราสาท บายน ตั้งอยู่ใจกลางมี 54ปรางค์ ปรางค์หนึ่งมี4หน้าซึ่งเป็นใบหน้าของ พระเจ้าชัยวรมันที่๗ และเป็นในนามของ พระโพธิสัตว์โลเกเตศวร ชมภาพสลักนูนต่ำระเบียงโดยรอบ เล่าเรื่องกองทัพกัมพูชาทำสงครามกับกองทัพจาม ภาพชีวิตพระเพณีของผู้คนในสมัยนั้น แต่ละภาพสลักได้งดงามเกินกว่าจะบรรยายได้ จากนั้นนำท่านผ่านชมปราสาท บาปวน สร้างโดย พระเจ้าอุทัยทิตวรมันที่๒ เพื่อประดิศฐานศิวลึงค์เป็นศิลปะอีกแบบของแขมรลักษณะเหมือน(ปราสาทปีรามิต) ผ่านชม ลานช้าง ซึ่งเป็นเวทีสำหรับพระเจ้าแพนดินทอดพระเนดการแสดงหรือการตรวจพลและการชนช้างต่างๆ ผ่านชมปราสาท พระเจ้าขี้เรื้อน ซึ่งบนยอดปราสาทนั้นมีแกะสลักลอยตัวนั่งชันเข่าถูกแดดและฝนมาเป็นร้อยปีจึงมีตะไคร่เกาะลายเต็มตัวมีนิ้วกุดชาวบ้านเห็นเลยเรียกว่า พระเจ้าขี้เรื้อน ที่จริงแล้วเป็นรูป พญายม เดิมเป็นที่สำหรับเผาศพของเชื้อสาย พระเจ้าแพนดินฯ
17.00 น. จากนั้นนำท่านชมพระอาทิตย์ตกดินบนยอดเขา พนมบาแข็ง(ภูเขาบาแข็ง)ในศิลาจารึกเรียกว่า พนมกัลดาล(ภูเขากลาง) ซึ่งเป็นเขาธรรมชาติสูง60ม เป็นใจกลางของเมือง ยโสธรบุระ สร้างโดย พระเจ้ายโสวรมัน ปีคศ 910 อุทิศแด่พระอิศวรและมีประดิษฐานศิวลึงค์อันศักดิ์สิทธิ์ จากบนยอดเขาสามารถมองเห็นยอดของปราสาทนครวัดในบรรยากาศยามพระอาทิตย์อัสดง ลับขอบฟ้าเหนือบารายตะวันตก ที่สวยงามที่สุดอีกแห่งหนึ่ง เมื่อสมัยสงครามกลางเมืองบนยอดเขาแห่งนั้นมีตั้งปื่นใหญ่ เพื่อป้องกันเขตของเมืองเสียมเรียบ
19 00 บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร หลังอาหารเดินทางเข้าสู่โรงแรมที่พัก ที่พักโรงแรม Smiling Hotel
วันที่สอง(ส.31 มี.ค.) เสียมเรียบ-บันเตียสะเรย-ตาพรหม-องค์โกร์วัด (เช้า/กลางวัน/ค่ำ+show)
07 00 บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
08 00 นำท่านชมรัตนแห่งศิลปะ แขมร ปราสาทหินทรายสีชมพู ปราสาท บันเตียสะเรย(บันทายศรี) เก่าแก่กว่าพันปี ชมภาพแกะสลักลวดลายเด่นชัด สวยงามอ่อนช้อยมีชีวิตชีวา มีปรางค์สามยอดอุทิศแด่ พระศิวะ พระวิษณุและพระพรหม ระยะทาง35กม ใช้เวลาเดินทางประมาณ40นาทีระหว่างทางมีผ่านคูเมือง องค์โกร์วัด ผ่านปราสาท กรอวัน สร้างโดยปุโรหิด(พราหมณ์) เป็นปราสาทอิฐเผา มีปรางค์ 5 ยอด มีภาพแกะสลักของพระนารายณ์ปางพราหมณ์แคระ เป็นส่วนหนึ่งของนารายณ์10ปาง แล้วผ่านด้านทิศตะวันออกของปราสาท บันเตียกะได และสระสรง(สระว่ายน้ำโบราณ)
จากนั้นเดินทางไปชม ปราสาทแปรรูป ปราสาทแปรรูป สร้างในสมัยพระเจ้าราเชนทรวรมันที่ 2 จัดเป็นปราสาทหลวงในรัชสมัยของพระเจ้าราเชนทรวรมันที่ 2 ก่อนที่จะย้ายเมืองหลวงไปยังเมืองพระนคร พระเจ้าราเชนทรวรมัน ที่ 2 ทรงเลือกบริเวณทิศใต้ของบารายตะวันออกเพื่อตั้งเป็นเมืองหลวง และปราสาทแปรรูปแห่งนี้ อุทิศถวายให้แก่พระศิวะ พระวิษณุ และพระพรหม แปรรูป มาจากความหมายที่ว่าการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย สันนิษฐานจากลักษณะของหีบซึ่งทำจากหินทราย ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันออก ก่อนขึ้นไปสู่ปรางค์ประธาน หีบหินทรายนี้เป็นที่สำหรับบรรจุอัฐิของพระมหากษัตริย์ ปรางค์ประธาน ถูกสร้างอยู่เหนือฐานอิฐ 3 ชั้น แต่ละชั้นมีขั้นบันไดขึ้นไป 12 ขั้น รูปทรงลักษณะคล้ายปิรามิด ส่วนปรางค์บริวารทั้ง 4 อยู่บนฐานเดียวกัน ภาพสลักพระอินทร์ ที่ทับหลังของปรางค์ประธาน มีภาพสลักพระอินทร์ซึ่งเป็นเทพประจำทิศตะวันออก พวงอุบะ (พวงมาลัย) และเหล่าพรรณพฤกษาถือเป็นต้นแบบของศิลปะยุคแปรรูป ด้านข้างของเสากรอบประตูมีภาพสลักของเทพธิดาที่ดูทรุดโทรมลงไปบ้าง บันไดขึ้นสู่ปรางค์ประธาน ค่อนข้างชันและแคบ เปรียบเหมือนผู้ที่จะเข้าสู่ปรางค์ประธานจะต้องมีการคาราวะ ก้มหน้าก้มตาขึ้นสู้บันไดด้วยความระมัดระวัง ปรางค์บริวารด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ มีภาพส ลักของเทพธิดาที่งดงามอยู่บนอิฐและปูนปั้นโบราณของพระนางลักษมีและพระวิษณุ ภาพสลักพระนางอุมาเทวีและพระศิวะ ส่วนปรางค์ประธานที่อยู่ตรงกลางมีภาพสลักพระพรหม ซึ่งมี 4 หน้าและ 4 กร จากนั้นเดินทางเข้าเมืองเสียมเรียบ
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย นำท่านสู่ปราสาทตาพรหม สร้างโดยพระเจ้าชัยวรมันที่7 ถวายแด่พระราช มารดา และบูชา พระโพธิสัตว์พระนางปราชญาบารามีตา เพื่อฉลองพระองค์เป็นพระราชมารดา เป็นปราสาท Tomb raider ในฉากภาพยนตร์ hollywood มีรากไม้ใหญ่ที่แทรกชอนใชไปในแผ่นหินเป็นรูปทรงคล้ายหนวดปลาหมึก เกาะกุมองค์ปราสาททำให้ช่วยประคองยึดตัวปราสาทให้คงอยู่สวยงามแตกต่างจากปราสาทอืน ซึ่งชาวบ้านเรียกว่าต้น สะปง
บ่ายสาม ชมความยิ่งใหญ่ของปราสาท องค์โกร์วัด สร้างโดย พระเจ้าสุริยวรมันที่2 ในปีคศ1113-1150 ใช้เวลาสร้างภายใน37ปี ตามความชื่อของศาสนาฮินดู สร้างเพื่ออุทิศถวายแด่ พระวิษณุ โดยให้เทวสถานเปรียบเสมือนเขาพระสุเมรุมีกำแพงยาว 1025ม กว้าง850ม และคูน้ำยาว 1500ม กว้าง1300มล้อมรอบ เปรียบเสมือนมหาสมุทรและกำแพงล้อมรอบของจักรวาลฯ บริเวณด้านในมีภาพแกะสลักนาง อัปสารา(อัปสร) ท่าสวยงามมีประมาณ2000องค์มีองค์เดียวที่ยิ้มเห็นฟัน มีระเบียงคด3ชั้นเปรียบเสมือนแกนกลางของเขาพระสุเมรุในสมัยนั้น เป็นที่ประดิษฐาน พระบรมวิษณุโลก ระเบียงคดแรกมีภาพสลักล้อมรอบเกี่ยว กับ รามายณะ มหาภารตะ ประวัติศาสตร์การออกรบ สวรรค์-นรก กวนเกษียรสมุทร วิษณุปราบอสูร พระกฤษณะปราบพญาสูร และเทวาสุรสงคราม เราจะให้ท่านชื่นชมความงามจนอาทิตย์อัสดง
ค่ำ รับประทาอนอาหารค่ำณ ภัตตาคาร พร้อมชมการแสดงรำอัปสรา
กลับที่พัก
วันที่สาม (อา.1 เม.ย.) เสียมเรียบ-พระขรรค์-นาคพัน-ตาสม-ช้อปปิ้ง-ปอยเปด -กรุงเทพ (เช้า/กลางวัน/เย็น)
07.00 น. บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
08.00 น. เดินทางไปชม ปราสาทพระขรรค์ สร้างในปีพุทธศตวรรษที่18(พ.ศ.1734)รัชสมัยของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 เป็นศิลปะแบบบายนศาสนาพุทธนิกายมหายาน พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 นับว่าเป็นมหา ราชที่ยิ่งใหญ่ นอกจากจะทรงสร้างปราสาทต่างๆ ขึ้นมากมายเพื่อใช้เป็นที่ประกอบพิธีทางพุทธศาสนาแล้วพระองค์ยังทรงให้ความสำคัญกับด้านสาธารณสุขด้วย ด้วยการสร้างอโรคยศาลาถึง 102 แห่ง ในบรรดาปราสาทต่างๆ ที่ถูกสร้างขึ้นในรัชสมัยของพระองค์ต้องยกให้ปราสาทพระขรรค์เป็นโครงการที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในรัชสมัยของพระองค์มีราชครูกว่าหนึ่งพันคนปราสาทแห่งนี้จึงใช้เป็นมหาวิทยาลัยแห่งพระพุทธ ศาสนาก็ว่าได้ เช่นเดียวกับปราสาทตาพรหมก็เป็นปราสาทที่สร้างให้เป็นวัดในพระพุทธศาสนาเช่นกันบริเวณที่สร้างปราสาทพระขรรค์ ถูกขนาดนามว่าเป็นทะเลแห่งเลือด เพราะในบริเวณนี้เคยเป็นสมรภูมิรบระหว่างพวกขอมที่อยู่ในเมืองพระนครและพวกจาม ศึกสงคราครั้งนั้นทำให้ขอมชนะจาม จึงเรียกปราสาทแห่งนี้ว่าปราสาทชัยศรี เพื่อเป็นอนุสรณ์สถานของพระองค์ ซึ่งมีปรากฏอยู่ในจารึกในปราสาทพระขรรค์ ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นปราสาทพระขรรค์ อันหมายถึงพระแสงดาบที่ทำให้พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ชนะอริราชศัตรู พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ทรงสร้างปราสาทพระขรรค์นี้เพื่ออุทิศให้แก่พระราชบิดา โดยสร้างหลังจากที่พระองค์ทรงสร้างปราสาทตาพรหมเพื่ออุทิศให้แก่พระราชมารดาแล้ว 5 ปี
จากนั้นนำชมปราสาทนาคพัน มีลักษณะเป็นเกาะเล็กๆตั้งอยู่กลางบาราย (ทะเลสาป) ทำฐานเป็นรูปนาคขนดพันลำตัวเวียนขึ้นเป็นชั้นซ้อนกันแทนขั้นบันได
จากนั้นเดินทางไปชมปราสาทตาสม สร้างรัชสมัยของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 และทำการขยายเพิ่มเติมในรัชสมัยของพระเจ้าอินทรวรมันที่ 2 เป็นปราสาทขนาดเล็กหากเปรียบเทียบกับปราสาทตาพรหมหรือปราสาทบันทายกเดย ปราสาทแห่งนี้แบ่งออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่ โคปุระด้านนอกและกำแพงล้อมรอบ โคปุระด้านในและปรางค์ประธานพร้อมกับระเบียงคตทั้งสี่ด้าน มีบรรณาลัยอยู่ในระเบียงคต กำแพงด้านนอกมีความกว้าง 200 เมตร ยาว 240 เมตร เส้นทางเข้าสู่ทิศตะวันออกเข้าสู่โคปุระด้านในจากทิศตะวันออกไปทิศตะวันตก ระเบียงคตรอบปรางค์ประธานมีความยาว 30 เมตร กว้าง 20 เมตร บรรณาลัยอยู่ทางทิศเหนือและใต้ด้านละหลัง เนื่องจากถนนจะตัดผ่านด้านหลังปราสาททางด้านทิศตะวันตก นักท่องเที่ยวจึงนิยมเข้าสู่ปราสาททางทิศตะวันตก นางอัปสร-เสากรอบประตู รูปแบบของปราสาทตาสมอาจกล่าวได้ว่าเป็นยุคต้นๆ ของศิลปะแบบบายน โดยสังเกตได้จากลักษณะของนางอัปสร และลักษณะของเสากรอบประตูที่เป็นแปดเหลี่ยมและมีลายสลักลักษณะเป็นดอกไม้และใบไม้อยู่โดบรอบ คล้ายคลึงกับปราสาทบายนมาก พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร ลักษณะเด่นของปราสาทตาสมอีกอย่างก็คือพระพักตร์ของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร ซึ่งอยู่บนยอดของปรางค์ประธานและโคปุระที่กำแพงด้านนอกมีพระพักตร์ทั้งสี่ทิศรูปแบบลักษณะเช่นนี้เหมือนกับปราสาทบายน ได้เวลาแล้วเดินทางกลับเมืองเสียมเรียบ
12.00 บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร ในเสียมเรียบ แวะช้อปปิ้งสินค้าที่ตลาดเก่าเสียมเรียบ จากนั้นอำลาเมืองเสียมเรียบ เดินทางกลับสู่ปอยเปด
17.00 น. ถึงชายแดนปอยเปต แล้วนำท่านผ่านพิธีการตรวคนเข้าเมือง
18.00 น. ออกเดินทางกลับกรุงเทพ
18.45 น. แวะรับประทานอาหารเย็น ณ ร้านอาหารบ้านสะเบียง( สระแก้ว )
21.30 น. ถึงกรุงเทพโดยสวัสดิภาพ
**************************
หมายเหตุ - ปัจจุบันกรมอัสรา(การท่องเทียวกัมพูชา) ไม่อนุญาติให้นำขาตั้งกล้องถ่ายรูปเข้าไปตั้งถ่ายภาพบนตัวปราสาททุกแห่ง ข้อแนะนำกรุณาเตรียมขาตั้งกล้องชนิดเล็ก( พับหรือย่อส่วนได้ ) และสามารถเก็บไว้ในกระเป๋า หรือ เป้สะพายได้ เพื่อมิต้องผ่านการตรวจของเจ้าหน้าที่ ซึ่งจะเป็นประโยชน์สำหรับนักถ่ายภาพที่จำเป็นต้องใช้จริงๆ และควรเตรียมผ้าปูหรือวัสดุรองขาตั้ง(ชนิดเล็ก) ไปด้วย
- ในโปรแกรม มิได้รวมค่าใช้จ่ายถึงการเดินทางไปชมพระอาทิตย์ขึ้นที่นครวัด หากต้องการ ท่านจะต้องชำระค่าล่วงเวลาพิเศษรถ และไกด์ ซึ่งจะต้องเสียค่าล่วงก่อนเวลาเพิ่มเติม ท่านสามารถสอบถามได้ี่ไกด์ท้องถิ่นหากต้องการ
- โปรแกรมและสถานที่ท่องเที่ยวอาจมีการสลับสับเปลี่ยนปราสาท ก่อนหรือหลัง ได้ทั้งนี้ไกด์จะเป็นผู้ชี้แจงแก่ท่าน
Highlight : นครวัด–นครธม-บันทายสรี-ตาพรม-พระขรรค์ขนาคพัน-ตาสม-บาแคง
กำหนดการเดินทาง : วันศุกร์ที่ 30 มี.ค. – วันที่ 1 เมษายน
วันแรก(ศ.30 มี.ค.) กรุงเทพ-ตลาดโรงเกลือ-ปอยเปด-เสียมเรียบ (เช้า(กล่อง)/กลางวัน/ค่ำ)
05.00 น. พร้อมกันณ จุดนับพบ................. จากนั้นออกเดินทางโดยรถมินิบัสปรับอากาศ สู่ตลาดโรงเกลือ อ.อรัญประเทศ(250 กม.) บริการอาหารเช้า( แซนวิช,ขนมปัง,ส้ม,เครื่องดื่ม)
08.30 น. เดินทางถึงด่านอรัญ พบกับเจ้าหน้าที่ประสานงานายแดน ให้การต้อนรับท่าน จากนั้นนำท่านผ่านพิธีการตรวจคนเข้าออกเมืองไทย-กัมพูชาเรียบร้อยแล้ว พบกับมัคคุเทศก์ท้องถิ่น หลังจากนั้นนำท่านสู่จังหวัดเสียมเรียบโดยรถปรับอากาศรวมระยะทาง154กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ2ชม.ครึ่งระหว่างการเดินทางผ่านหมู่บ้านชนบทสร้างบ้านสูงหลังคามีจั่วเป็นเอกลักษบ้านโบราณและบางช่วงผ่านท้องทุุ่ง กว้างใหญ่ ช่วงฤดูทำนาออกเป็นสีเขียวช่วงเก็บเกี่ยวออกเป็นสีเหลืองได็บรรยากาศอีกแบบหนึ่งฯ มีแบ่งเป็นสามระยะ(ระยะแรก50กม จากปอยเปดถึงจังหวัด บันเตียเมียนเจย(ศรีโสภณ)ระยะที่สอง50กม จาก บันเตียเมียนเจยถึงอ.กรอลัน จุดแวะห้องน้ำ10นาทีและระยะที่สาม50กม จาก อ.กรอลัน ถึงเสียมเรียบ แล้ว
เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร ในเสียมรียบ
บ่าย นำท่านเข้าสู่ที่พัก เช็คอิน แล้ว ล้างหน้าล้างตาเพื่อความสดชื่น แล้วนำท่านสู่ดินแดนรอยยิ้มแห่งปราสาทบายน ในเมืององค์โกร์ธม(นครธม) ที่มีกำแพงและคูน้ำล้อมรอบเป็นสี่เหลี่ยม จัตุรัส ด้านละ3กม โดยผ่านประตูที่มีรูปแกะสลักเป็นเทวดาอยู่ด้านหนึ่งและอสูรอยู่ด้านกำลังยึดตัวพญานาคเหมือนราวสะพานที่ทอดลำตัวยาวประมาณ 50ม ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของสายรุ้งเชื่อมระหว่างโลกมนุษย์และโลกของเทพเจ้าฯ ชมปราสาท บายน ตั้งอยู่ใจกลางมี 54ปรางค์ ปรางค์หนึ่งมี4หน้าซึ่งเป็นใบหน้าของ พระเจ้าชัยวรมันที่๗ และเป็นในนามของ พระโพธิสัตว์โลเกเตศวร ชมภาพสลักนูนต่ำระเบียงโดยรอบ เล่าเรื่องกองทัพกัมพูชาทำสงครามกับกองทัพจาม ภาพชีวิตพระเพณีของผู้คนในสมัยนั้น แต่ละภาพสลักได้งดงามเกินกว่าจะบรรยายได้ จากนั้นนำท่านผ่านชมปราสาท บาปวน สร้างโดย พระเจ้าอุทัยทิตวรมันที่๒ เพื่อประดิศฐานศิวลึงค์เป็นศิลปะอีกแบบของแขมรลักษณะเหมือน(ปราสาทปีรามิต) ผ่านชม ลานช้าง ซึ่งเป็นเวทีสำหรับพระเจ้าแพนดินทอดพระเนดการแสดงหรือการตรวจพลและการชนช้างต่างๆ ผ่านชมปราสาท พระเจ้าขี้เรื้อน ซึ่งบนยอดปราสาทนั้นมีแกะสลักลอยตัวนั่งชันเข่าถูกแดดและฝนมาเป็นร้อยปีจึงมีตะไคร่เกาะลายเต็มตัวมีนิ้วกุดชาวบ้านเห็นเลยเรียกว่า พระเจ้าขี้เรื้อน ที่จริงแล้วเป็นรูป พญายม เดิมเป็นที่สำหรับเผาศพของเชื้อสาย พระเจ้าแพนดินฯ
17.00 น. จากนั้นนำท่านชมพระอาทิตย์ตกดินบนยอดเขา พนมบาแข็ง(ภูเขาบาแข็ง)ในศิลาจารึกเรียกว่า พนมกัลดาล(ภูเขากลาง) ซึ่งเป็นเขาธรรมชาติสูง60ม เป็นใจกลางของเมือง ยโสธรบุระ สร้างโดย พระเจ้ายโสวรมัน ปีคศ 910 อุทิศแด่พระอิศวรและมีประดิษฐานศิวลึงค์อันศักดิ์สิทธิ์ จากบนยอดเขาสามารถมองเห็นยอดของปราสาทนครวัดในบรรยากาศยามพระอาทิตย์อัสดง ลับขอบฟ้าเหนือบารายตะวันตก ที่สวยงามที่สุดอีกแห่งหนึ่ง เมื่อสมัยสงครามกลางเมืองบนยอดเขาแห่งนั้นมีตั้งปื่นใหญ่ เพื่อป้องกันเขตของเมืองเสียมเรียบ
19 00 บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร หลังอาหารเดินทางเข้าสู่โรงแรมที่พัก ที่พักโรงแรม Smiling Hotel
วันที่สอง(ส.31 มี.ค.) เสียมเรียบ-บันเตียสะเรย-ตาพรหม-องค์โกร์วัด (เช้า/กลางวัน/ค่ำ+show)
07 00 บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
08 00 นำท่านชมรัตนแห่งศิลปะ แขมร ปราสาทหินทรายสีชมพู ปราสาท บันเตียสะเรย(บันทายศรี) เก่าแก่กว่าพันปี ชมภาพแกะสลักลวดลายเด่นชัด สวยงามอ่อนช้อยมีชีวิตชีวา มีปรางค์สามยอดอุทิศแด่ พระศิวะ พระวิษณุและพระพรหม ระยะทาง35กม ใช้เวลาเดินทางประมาณ40นาทีระหว่างทางมีผ่านคูเมือง องค์โกร์วัด ผ่านปราสาท กรอวัน สร้างโดยปุโรหิด(พราหมณ์) เป็นปราสาทอิฐเผา มีปรางค์ 5 ยอด มีภาพแกะสลักของพระนารายณ์ปางพราหมณ์แคระ เป็นส่วนหนึ่งของนารายณ์10ปาง แล้วผ่านด้านทิศตะวันออกของปราสาท บันเตียกะได และสระสรง(สระว่ายน้ำโบราณ)
จากนั้นเดินทางไปชม ปราสาทแปรรูป ปราสาทแปรรูป สร้างในสมัยพระเจ้าราเชนทรวรมันที่ 2 จัดเป็นปราสาทหลวงในรัชสมัยของพระเจ้าราเชนทรวรมันที่ 2 ก่อนที่จะย้ายเมืองหลวงไปยังเมืองพระนคร พระเจ้าราเชนทรวรมัน ที่ 2 ทรงเลือกบริเวณทิศใต้ของบารายตะวันออกเพื่อตั้งเป็นเมืองหลวง และปราสาทแปรรูปแห่งนี้ อุทิศถวายให้แก่พระศิวะ พระวิษณุ และพระพรหม แปรรูป มาจากความหมายที่ว่าการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย สันนิษฐานจากลักษณะของหีบซึ่งทำจากหินทราย ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันออก ก่อนขึ้นไปสู่ปรางค์ประธาน หีบหินทรายนี้เป็นที่สำหรับบรรจุอัฐิของพระมหากษัตริย์ ปรางค์ประธาน ถูกสร้างอยู่เหนือฐานอิฐ 3 ชั้น แต่ละชั้นมีขั้นบันไดขึ้นไป 12 ขั้น รูปทรงลักษณะคล้ายปิรามิด ส่วนปรางค์บริวารทั้ง 4 อยู่บนฐานเดียวกัน ภาพสลักพระอินทร์ ที่ทับหลังของปรางค์ประธาน มีภาพสลักพระอินทร์ซึ่งเป็นเทพประจำทิศตะวันออก พวงอุบะ (พวงมาลัย) และเหล่าพรรณพฤกษาถือเป็นต้นแบบของศิลปะยุคแปรรูป ด้านข้างของเสากรอบประตูมีภาพสลักของเทพธิดาที่ดูทรุดโทรมลงไปบ้าง บันไดขึ้นสู่ปรางค์ประธาน ค่อนข้างชันและแคบ เปรียบเหมือนผู้ที่จะเข้าสู่ปรางค์ประธานจะต้องมีการคาราวะ ก้มหน้าก้มตาขึ้นสู้บันไดด้วยความระมัดระวัง ปรางค์บริวารด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ มีภาพส ลักของเทพธิดาที่งดงามอยู่บนอิฐและปูนปั้นโบราณของพระนางลักษมีและพระวิษณุ ภาพสลักพระนางอุมาเทวีและพระศิวะ ส่วนปรางค์ประธานที่อยู่ตรงกลางมีภาพสลักพระพรหม ซึ่งมี 4 หน้าและ 4 กร จากนั้นเดินทางเข้าเมืองเสียมเรียบ
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย นำท่านสู่ปราสาทตาพรหม สร้างโดยพระเจ้าชัยวรมันที่7 ถวายแด่พระราช มารดา และบูชา พระโพธิสัตว์พระนางปราชญาบารามีตา เพื่อฉลองพระองค์เป็นพระราชมารดา เป็นปราสาท Tomb raider ในฉากภาพยนตร์ hollywood มีรากไม้ใหญ่ที่แทรกชอนใชไปในแผ่นหินเป็นรูปทรงคล้ายหนวดปลาหมึก เกาะกุมองค์ปราสาททำให้ช่วยประคองยึดตัวปราสาทให้คงอยู่สวยงามแตกต่างจากปราสาทอืน ซึ่งชาวบ้านเรียกว่าต้น สะปง
บ่ายสาม ชมความยิ่งใหญ่ของปราสาท องค์โกร์วัด สร้างโดย พระเจ้าสุริยวรมันที่2 ในปีคศ1113-1150 ใช้เวลาสร้างภายใน37ปี ตามความชื่อของศาสนาฮินดู สร้างเพื่ออุทิศถวายแด่ พระวิษณุ โดยให้เทวสถานเปรียบเสมือนเขาพระสุเมรุมีกำแพงยาว 1025ม กว้าง850ม และคูน้ำยาว 1500ม กว้าง1300มล้อมรอบ เปรียบเสมือนมหาสมุทรและกำแพงล้อมรอบของจักรวาลฯ บริเวณด้านในมีภาพแกะสลักนาง อัปสารา(อัปสร) ท่าสวยงามมีประมาณ2000องค์มีองค์เดียวที่ยิ้มเห็นฟัน มีระเบียงคด3ชั้นเปรียบเสมือนแกนกลางของเขาพระสุเมรุในสมัยนั้น เป็นที่ประดิษฐาน พระบรมวิษณุโลก ระเบียงคดแรกมีภาพสลักล้อมรอบเกี่ยว กับ รามายณะ มหาภารตะ ประวัติศาสตร์การออกรบ สวรรค์-นรก กวนเกษียรสมุทร วิษณุปราบอสูร พระกฤษณะปราบพญาสูร และเทวาสุรสงคราม เราจะให้ท่านชื่นชมความงามจนอาทิตย์อัสดง
ค่ำ รับประทาอนอาหารค่ำณ ภัตตาคาร พร้อมชมการแสดงรำอัปสรา
กลับที่พัก
วันที่สาม (อา.1 เม.ย.) เสียมเรียบ-พระขรรค์-นาคพัน-ตาสม-ช้อปปิ้ง-ปอยเปด -กรุงเทพ (เช้า/กลางวัน/เย็น)
07.00 น. บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
08.00 น. เดินทางไปชม ปราสาทพระขรรค์ สร้างในปีพุทธศตวรรษที่18(พ.ศ.1734)รัชสมัยของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 เป็นศิลปะแบบบายนศาสนาพุทธนิกายมหายาน พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 นับว่าเป็นมหา ราชที่ยิ่งใหญ่ นอกจากจะทรงสร้างปราสาทต่างๆ ขึ้นมากมายเพื่อใช้เป็นที่ประกอบพิธีทางพุทธศาสนาแล้วพระองค์ยังทรงให้ความสำคัญกับด้านสาธารณสุขด้วย ด้วยการสร้างอโรคยศาลาถึง 102 แห่ง ในบรรดาปราสาทต่างๆ ที่ถูกสร้างขึ้นในรัชสมัยของพระองค์ต้องยกให้ปราสาทพระขรรค์เป็นโครงการที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในรัชสมัยของพระองค์มีราชครูกว่าหนึ่งพันคนปราสาทแห่งนี้จึงใช้เป็นมหาวิทยาลัยแห่งพระพุทธ ศาสนาก็ว่าได้ เช่นเดียวกับปราสาทตาพรหมก็เป็นปราสาทที่สร้างให้เป็นวัดในพระพุทธศาสนาเช่นกันบริเวณที่สร้างปราสาทพระขรรค์ ถูกขนาดนามว่าเป็นทะเลแห่งเลือด เพราะในบริเวณนี้เคยเป็นสมรภูมิรบระหว่างพวกขอมที่อยู่ในเมืองพระนครและพวกจาม ศึกสงคราครั้งนั้นทำให้ขอมชนะจาม จึงเรียกปราสาทแห่งนี้ว่าปราสาทชัยศรี เพื่อเป็นอนุสรณ์สถานของพระองค์ ซึ่งมีปรากฏอยู่ในจารึกในปราสาทพระขรรค์ ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นปราสาทพระขรรค์ อันหมายถึงพระแสงดาบที่ทำให้พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ชนะอริราชศัตรู พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ทรงสร้างปราสาทพระขรรค์นี้เพื่ออุทิศให้แก่พระราชบิดา โดยสร้างหลังจากที่พระองค์ทรงสร้างปราสาทตาพรหมเพื่ออุทิศให้แก่พระราชมารดาแล้ว 5 ปี
จากนั้นนำชมปราสาทนาคพัน มีลักษณะเป็นเกาะเล็กๆตั้งอยู่กลางบาราย (ทะเลสาป) ทำฐานเป็นรูปนาคขนดพันลำตัวเวียนขึ้นเป็นชั้นซ้อนกันแทนขั้นบันได
จากนั้นเดินทางไปชมปราสาทตาสม สร้างรัชสมัยของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 และทำการขยายเพิ่มเติมในรัชสมัยของพระเจ้าอินทรวรมันที่ 2 เป็นปราสาทขนาดเล็กหากเปรียบเทียบกับปราสาทตาพรหมหรือปราสาทบันทายกเดย ปราสาทแห่งนี้แบ่งออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่ โคปุระด้านนอกและกำแพงล้อมรอบ โคปุระด้านในและปรางค์ประธานพร้อมกับระเบียงคตทั้งสี่ด้าน มีบรรณาลัยอยู่ในระเบียงคต กำแพงด้านนอกมีความกว้าง 200 เมตร ยาว 240 เมตร เส้นทางเข้าสู่ทิศตะวันออกเข้าสู่โคปุระด้านในจากทิศตะวันออกไปทิศตะวันตก ระเบียงคตรอบปรางค์ประธานมีความยาว 30 เมตร กว้าง 20 เมตร บรรณาลัยอยู่ทางทิศเหนือและใต้ด้านละหลัง เนื่องจากถนนจะตัดผ่านด้านหลังปราสาททางด้านทิศตะวันตก นักท่องเที่ยวจึงนิยมเข้าสู่ปราสาททางทิศตะวันตก นางอัปสร-เสากรอบประตู รูปแบบของปราสาทตาสมอาจกล่าวได้ว่าเป็นยุคต้นๆ ของศิลปะแบบบายน โดยสังเกตได้จากลักษณะของนางอัปสร และลักษณะของเสากรอบประตูที่เป็นแปดเหลี่ยมและมีลายสลักลักษณะเป็นดอกไม้และใบไม้อยู่โดบรอบ คล้ายคลึงกับปราสาทบายนมาก พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร ลักษณะเด่นของปราสาทตาสมอีกอย่างก็คือพระพักตร์ของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร ซึ่งอยู่บนยอดของปรางค์ประธานและโคปุระที่กำแพงด้านนอกมีพระพักตร์ทั้งสี่ทิศรูปแบบลักษณะเช่นนี้เหมือนกับปราสาทบายน ได้เวลาแล้วเดินทางกลับเมืองเสียมเรียบ
12.00 บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร ในเสียมเรียบ แวะช้อปปิ้งสินค้าที่ตลาดเก่าเสียมเรียบ จากนั้นอำลาเมืองเสียมเรียบ เดินทางกลับสู่ปอยเปด
17.00 น. ถึงชายแดนปอยเปต แล้วนำท่านผ่านพิธีการตรวคนเข้าเมือง
18.00 น. ออกเดินทางกลับกรุงเทพ
18.45 น. แวะรับประทานอาหารเย็น ณ ร้านอาหารบ้านสะเบียง( สระแก้ว )
21.30 น. ถึงกรุงเทพโดยสวัสดิภาพ
**************************
หมายเหตุ - ปัจจุบันกรมอัสรา(การท่องเทียวกัมพูชา) ไม่อนุญาติให้นำขาตั้งกล้องถ่ายรูปเข้าไปตั้งถ่ายภาพบนตัวปราสาททุกแห่ง ข้อแนะนำกรุณาเตรียมขาตั้งกล้องชนิดเล็ก( พับหรือย่อส่วนได้ ) และสามารถเก็บไว้ในกระเป๋า หรือ เป้สะพายได้ เพื่อมิต้องผ่านการตรวจของเจ้าหน้าที่ ซึ่งจะเป็นประโยชน์สำหรับนักถ่ายภาพที่จำเป็นต้องใช้จริงๆ และควรเตรียมผ้าปูหรือวัสดุรองขาตั้ง(ชนิดเล็ก) ไปด้วย
- ในโปรแกรม มิได้รวมค่าใช้จ่ายถึงการเดินทางไปชมพระอาทิตย์ขึ้นที่นครวัด หากต้องการ ท่านจะต้องชำระค่าล่วงเวลาพิเศษรถ และไกด์ ซึ่งจะต้องเสียค่าล่วงก่อนเวลาเพิ่มเติม ท่านสามารถสอบถามได้ี่ไกด์ท้องถิ่นหากต้องการ
- โปรแกรมและสถานที่ท่องเที่ยวอาจมีการสลับสับเปลี่ยนปราสาท ก่อนหรือหลัง ได้ทั้งนี้ไกด์จะเป็นผู้ชี้แจงแก่ท่าน