หากโลกนี้ไม่มีไฟฟ้า

[ตาเกิ้น]

เคยจินตนาการกันมั๊ยครับ ว่าหากเกิดภัยบางอย่างขึ้นจนทำให้ไฟฟ้าดับเป็นวงกว้าง จะเกิดอะไรขึ้นในโลกยุคปัจจุบันนี้

จินตนาการเรื่องนี้อาจจะไม่ใช่เรื่องไกลตัวนักนะครับ ยกตัวอย่างเรื่องหนึ่งคือเรื่องของมหาพายุสุริยะ ผมเพิ่งได้อ่านเรื่องนี้ในนิตยสาร National Geographic ฉบับเดือน กรกฎาคม

พายุสุริยะคือการระเบิดของแม่เหล็กไฟฟ้าขนาดใหญ่ของดวงอาทิตย์ที่ปล่อยอานุภาคที่มีประจุหลายพันล้านตันเข้าใส่โลก เมื่อคลื่นที่มองไม่เห็นนี้พุ่งปะทะสนามแม่เหล็กโลก จะส่งผลให้เกิดกระแสไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลันในเครือข่ายระบบไฟฟ้า หากพายุนั้นมีความแรงพอก็จะเหนี่ยวนำให้เกิดกระแสที่หม้อแปลงจะร้อนจัดและลุกเป็นไฟหรือระเบิดได้
http://static.truelife.com/blog/files/members/22/106216/171700/ea4b39b5264.jpg
พายุสุริยะขนาดใหญ่ที่เรียกว่า มหาพายุสุริยะนั้นเกิดขึ้นมาหลายครั้งแล้วครับ ครั้งที่ใหญ่ที่สุดที่เคยมีการบันทึกไว้คือเมื่อปี 1859 (ในยุคนั้นไม่มีอะไรเสียหายเพราะอุปกรณ์ไฟฟ้าอย่างเดียวที่มีอยู่ในโลกคือโทรเลข) หลังจากนั้นก็เกิดขนาดย่อมๆขึ้นอีกหลายครั้ง เมื่อปี 1989 พายุสุริยะขนาดย่อมๆก็ทำให้ไฟฟ้าในรัฐคิวเบคของคานาดาดับเป็นวงกว้าง และมีขนาดย่อมกว่านั้นเกิดขึ้นประปรายทุกไม่กี่ปี

นักวิทยาศาสตร์ประมาณกันว่า หากเกิดพายุสุริยะขึ้นในความแรงระดับเดียวกับ ที่เกิดในปี 1859 จะทำให้เกิดไฟดับเป็นวงกว้างทั้งทวีป !!! ทุกวันนี้ยังไม่มีนักวิทยาศาสตร์คนไหนสามารถพยากรณ์การเกิดของพายุสุริยะได้ เราจะรู้ตัวก่อนก็เพียง 20 นาทีก่อนที่จะมาถึงโลกเท่านั้น

ลองมาจินตนาการกันดูครับว่าในโลกที่พึ่งพาไฟฟ้าและการสื่อสารอย่างมากในปัจจุบัน จะเกิดอะไรขึ้นหากไฟฟ้าดับกระทันหัน

และที่เขียนเล่ามานี่ไม่ได้ต้องการให้กังวลนะครับ เพียงแต่คิดว่าเราน่าจะเตรียมตัวรับภัยพิบัติกันอย่างจริงจังมากแล้วเพราะ นอกจากซึนามิ, น้ำท่วมที่เราเคยเจอกันด้วยตัวเองมา และ มหาพายุสุริยะที่เล่ามาแล้ว เป็นเพียงตัวอย่าง ยังอาจจะมีภัยธรรมชาติอีกมากมายที่เราไม่รู้จักและอาจจะเกิดขึ้นโดยที่เราไม่ได้คาดคิดมาก่อนเมื่อไหร่ก็ได้อีกนับร้อยนับพันชนิด

ไม่ใช่เรื่องที่ต้องกังวลจนกลุ่มเพราะเป็นเรื่องป้องกันไม่ได้ แต่เราเตรียมตัวรับสถานะการณ์ได้ (ผมเองก็ยังไม่เคยเตรียมตัวรับกับมันครับ)

[toong's father]

เป็นความคิดที่รอบคอบครับ เรื่องที่จะไม่มีไฟฟ้าใช้นั้น ถ้าเกิดขึ้นระยะสั้นๆก็น่าจะพอแก้ปัญหาได้ แต่ไม่มีไฟฟ้านานเป็นปีๆแล้วไม่สามารถมีไฟฟ้าใช้เลย น่าจะมีสิ่งทดแทนกันได้ถ้ามีผู้คิดกันไว้ สิ่งที่ง่ายๆกันก่อน แสงสว่างจากไฟฟ้า สิ่งทดแทน คือ ตะเกียง หรือวัสดุติดไฟต่างๆ การสื่อสาร ระยะไกล น่าจะใช้ควันไฟได้(เคย เรียนรู้ตอนเป็นลูกเสือสมัยเด็ก ควันลูกเล็ก สลับควันลูกใหญ่ 4-5 ลูก แปลว่าช่วยด้วยอยู่ในอันตราย ถ้าลูกใหญ่1ลูก ตามด้วยลูกเล็กสามลูก แปลว่า ต้องการอาหาร ) การเดินทาง น่าจะใช้จักรยานจะดีที่สุดตามความคิดของผม คิดว่า อาวุธไว้ป้องกันสัตว์ร้าย และคนไม่ดีก็สำคัญที่สุด สุดท้ายคือ น้ำและอาหารจะเอาจากไหนเมื่อหมดลง คงต้องพึ่งพาธรรมชาติที่สุด มีปัจจัย4 ให้ครบ ก็น่าจะเพียงพอแล้ว ก่อนอื่นทำจิตใจให้สงบพิจารณาเพื่อแก้ไขให้ได้ คิดๆก็อยากให้เกิด จะได้ย้อนยุคไปอยูในสมัย มีเครื่องจักร์กลที่ไม่ต้องพึ่งพาไปฟ้าเลย มนุษย์จะร่วมแก้ไขปัญหาอย่างไร อยากรู้เหมือนกันครับ

[หนูเล]

สำหรับ Living Things on this Earth ผลกระทบจากการไม่มีไฟฟ้า คงมีแต่กับมนุษย์ครับ
ถ้าเป็นมนุษย์ที่ใช้วิถีกับธรรมชาติ เช่นชาวบ้านห้วยกล้วย ในจังหวัดแม่ฮ่องสอน ก็คงไม่กระทบอะไรสักเท่าไร
แต่วันนี้ มนุษย์เมือง (อย่างผม) พึ่งพาชีวิตเกือบทั้งหมดด้วย พลังงานไฟฟ้า
อาหารทุกอย่าง ข้าว ผ่านโรงสีที่ใช้ไฟฟ้า อุตสาหกรรมฟาร์มสัตว์ ล้วนแต่ใช้ไฟฟ้า ....
แสงสว่าง ความอบอุ่น/ความเย็น (พัดลม/แอร์) การถนอมอาหาร (ตู้เย็น) การรับข่าวสาร การติดต่อสื่อสาร ล้วนแต่ใช้ไฟฟ้า..
ถ้าไฟฟ้าดับทั้งเมือง ไม่ต้องไปเตรียมหาถ่านมาชาร์จมือถือหรอกครับ ไม่เกิน 4 ชม. สถานีฐานก็จะหมดพลังงาน สถานีวิทยุ โทรทัศน์ทุกวันนี้ก็ไม่ได้เตรียมการสำหรับไฟฟ้าดับเกิน 1 วัน...

เมื่อไม่มีข่าวสาร มนุษย์เมืองจะ Panic ขนาดไหน??
คิดดูเล่นๆ ขนาดน้ำท่วมปีที่แล้ว น้ำค่อยๆมาช้าๆ ข่าวสารรับได้ทุกช่องทาง (จนเราเริ่มไม่เชื่อข่าว..) ของในร้าน 7-11 แม็คโคร/โลตัส ยังหมดเกลี้ยง ถ้าไฟฟ้าดับไปแล้ว 24 ชม. เราไม่รับข่าวสารอะไรเลย ติดต่อใครก็ไม่ได้ ความโกลาหลจะขนาดไหน..:p

[ลมมันแรง]

เรื่องนี้คิดมานานแล้วครับ
ยิงธนูให้แม่นๆดีกว่า อิๆๆๆ
:D:D:D:D

[Talentino]

ขอมีส่วนร่วมในฐานะของคนที่อยู่ใน Generation Y นะครับ

สำหรับคุณปู่คุณอายุค Generation X ผมตอบไม่ได้เลยว่าจะสามารถดำรงชีวิตได้นานขนาดไหน
แต่ถ้าเป็นเด็กๆในยุคที่เกิดมาพร้อมกับยุครุ่งเรื่องของโทรศัพท์มือถือและอินเตอร์เน็ต... หรือช่วงหลังเหตุการณ์ 11 กันยา คงคลั่งตั้งแต่วันแรกๆละครับ :(

เด็กในรุ่น Y เกิดมาพร้อมกับอุปกรณ์ไฮเทคและระบบข้อมุลข่าวสารที่รวดเร็วมากๆ
จากเดิมที่การค้นคว้างานวิจัยที่ต้องเข้าห้องสมุดเพื่อหาตำรามานั่งอ่านเป็นวันๆ... เปลี่ยนเป็นเสิร์ชหาในกูเกิ้ล ก็มีข้อมูลอยู่เพรียบพร้อมในระดับหนึ่ง
การเดินทางในตัวเมืองจากเดิมที่สาละวันกับการอ่านแผนที่กระดาษ... เปลี่ยนเป็นการเปิดดูในโทรศัพท์มือถือแทน และมีระบบนำทาง GPS มาให้เพรียบพร้อม ไม่มีหลง
(และอีกนาๆนับประการที่เอ่ยทั้งวันก็ไม่หมด)

แนวโน้มของเด็กรุ่นใหม่ๆที่หันไปพึ่งเทคโนโลยีอยู่ตลอดก็เริ่มสูงขึ้นทุกวันๆ จนกระทั่งวิถีชีวิตแบบเดิมๆค่อยๆเลือนหายไป
เพราะไม่สามารถตอบสนองคุณสมบัติในด้านความรวดเร็วและการแข่งขันได้

แน่นอนครับ... เทคโนโลยีพวกนี้ต้องการไฟฟ้า
ถ้าเกิดไม่มีไฟฟ้าขึ้นมาอย่างกระทันหัน... เด็กๆวัยรุ่น คงใช้ชีวิตกันไม่เป็นเลยทีเดียว เรียกได้ว่า เอาชีวิตไปฝากไว้กับเทคโนโลยีเลยก็ว่าได้...
เอาแค่เฉพาะ "ไฟดับทั้งหมู่บ้าน" แค่อย่างเดียว ก็บ่นกันเกรียวแล้วครับ :p

[ตาเกิ้น]

มานั่งคิดดูแล้ว ผมว่าหากไฟฟ้าดับเป็นวงกว้างเป็นทวีปๆจริงๆ น่าจะวุ่นวายกว่าแค่การขาดแสงสว่างหรือขาดอินเตอร์เนตครับ เพราะการดับที่เกิดจากพายุสุริยะนี้เป็นการพังของหม้อแปลงไฟฟ้าซึ่งก็หมายถึงว่าระบบไฟฟ้าสำรองที่เตรียมเครื่อง generator ไว้ก็จะไม่สามารถใช้ได้ หม้อแปลงที่เสียหายเป็นล้านๆลูกก็ต้องใช้เวลานานมากที่ผลิตขึ้นมาทดแทน (แล้วจะผลิตอย่างไรถ้าไม่มีไฟฟ้า !) หากเกิดขึ้นจริงแม้ทุกอย่างไม่วิกฤติไปเสียก่อนก็ต้องใช้เวลาหลายเดือนกว่าจะเริ่มมีไฟใช้อีกครั้ง แล้วในระหว่างนั้นล่ะจะเกิดอะไรขึ้น

อย่างแรกของที่จำเป็นที่สุดคืออาหาร สายการผลิตและส่งอาหารทุกอย่างต้องพึ่งพาไฟฟ้าทั้งนั้น ในเมืองไม่ต้องหวังที่จะซื้อหาอาหารได้เลย

อย่างที่สองเงินตราทุกวันนี้ล้วนอยู่ในรูปแบบอิเลคโทรนิคเป็นเพียงตัวเลขในระบบคอมพิวเตอร์ของธนาคาร ระบบการซื้อขายทั้งหมดก็เป็นอิเลคโทรนิค ถึงมีเงินเดินไปซื้อของกับร้านค้าใหญ่ๆเขาก็ขายให้ไม่ได้ หนักเข้าผมว่าเงินที่เป็นกระดาษก็อาจจะไม่มีความหมายไม่มีใครรับเพราะไม่รู้ว่าอนาคตจะมีความหมายหรือเปล่า

อย่างที่สามเป็นเรื่องไม่จำเป็นต่อชีวิตแต่สร้างความวุ่นวายได้อย่างมหาศาล นั้นคือการสื่อสาร สังคมโลกทุกวันนี้คงความเสถียรอยู่ได้ด้วยการสื่อสาร เมื่อขาดไฟฟ้าก็หมายถึงขาดการสื่อสารเกือบทั้งหมด รัฐบาลไม่สามารถส่งข่าวได้ว่าเกิดอะไรขึ้น และจะแก้ปัญหาได้เมื่อไหร่อย่างไร ไม่สามารถขอความร่วมมือจากหน่วยงานต่างๆและประชาชนได้้ จากนั้นข่าวลือต่างๆก็จะแพร่สะพัด อาจเกิดการปล้นชิงจราจล อาจเกิดอะไรอีกหลายๆอย่างที่ไม่อาจคาดเดา

ไม่อยากนึกเลยครับ แต่น่าจะวางแผนรับสถานการณ์ไว้บ้าง เพราะผมคิดว่ารัฐบาลเราไม่เคยมีแผนฉุกเฉินอะไรทั้งสิ้นนอกจากแผนใช้งบฉุกเฉิน

[3ox]

โห :eek: เครื่อง generatorก็ใช้ไม่ได้เลยเหลอ แสดงว่าการเดินทางก็ถูกตัดด้วยใช่ไหม เพราะ ทั้งรถยนตร์ เครื่องบิน ก็ต้องใช้เครื่องgeneratorในการผลิตกระแสไฟฟ้า

[ตาเกิ้น]

โห :eek: เครื่อง generatorก็ใช้ไม่ได้เลยเหลอ แสดงว่าการเดินทางก็ถูกตัดด้วยใช่ไหม เพราะ ทั้งรถยนตร์ เครื่องบิน ก็ต้องใช้เครื่องgeneratorในการผลิตกระแสไฟฟ้า

ผมคิดว่ารถยนต์และเครื่องบินน่าจะยังใช้ได้ครับ เพราะสิ่งที่พังจะเป็น transformer ที่ต่อใช้งานอยู่ในระบบสายส่งทั้งหมด generator ในระบบสำรองหรือในรถจะไม่พังเพราะไม่ได้ต่ออยู่กับระบบสายส่งที่จะถูกทำลายด้วยกระแสมหาศาลที่เกิดจากการเหนี่ยวนำ

แต่ที่น่ากังวลคือระบบปั๊มน้ำมันที่เป็นไฟฟ้าทั้งหมดจะไม่สามารถใช้ได้ครับ แล้วรถจะเอาน้ำมันที่ไหน :rolleyes:

[นายแม็ค]

เคยมีประสบการณ์ตอนช่วงน้ำท่วมใหญ่
ถึงระดับหนึ่งต้องตัดไฟฟ้า ทั้งบ้าน "เดี้ยง" ครับ
อาหารสดเสีย, ปั๊มน้ำ-เครื่องกรองน้ำ ไม่ทำงาน,
ฟังทีวี-ชาร์ทโทร.มือถือไม่ได้ ฯลฯ

[spartanogood]

ถ้าพวกแบตเตอรี่ ถ่านไฟฉาย แผงโซล่าเซล เสียหายไปด้วยก็คงต้องอยู่แบบสมัยกรุงศรีอยุธยากันไป :cool:

[PARAM]

ปั๊มหลอดครับ :D
ที่น่าจะกระทบกระเทือนน่าจะเป็นพวกธุรกิจในเมืองและโรงงานต่างๆครับ ตอนน้ำท่วมก็ใกล้เคียงในหลายโซน ถึงแม้ว่ายังไม่โดนตัดขาดโดยสิ้นเชิง แต่คนที่อยู่ในโซนน้ำท่วมเต็มๆก็มีปัญหาคล้ายกัน
การส่อสารอย่างน้อยน่าจะมีพวกวิทยู พวกชา์จเจอรก็มีแบบพลังงานแสงอาทิตย์หรือไดนาโมมือหมุนก็น่าจะพออาศัยได้
สูงสุดคืนสู่สามัญ ใช้ปืนมีปลอกไม่ได้ก็ใช้พวกดินดำ หรือไม่ก็สายดีดแบบหน้าไม้หรือธนูครับ:D

[Tak]

This site http://offgridsurvival.com/ has many good advise for such situation.

[นายแม็ค]

เล่มนี้น่าสนใจออกเป็นประจำทุกปื
ตอนหลังนี้มีให้เลือกในรูปแบบของ e-magazine สามารถดาวน์โหลดมาอ่านใน iPad ได้ครับ

http://i1187.photobucket.com/albums/z383/Nai_Mac/2012-American-Handgunner-Reality-Check-Survive-Special-Edition-1.jpg

http://www.fmgpublications.com/publications.html