PDA

View Full Version : ทวงคืนวังน้ำเขียว



3ox
28-08-12, 06:38 PM
ผมเพิ่งเปิดดูข่าว คม ชัด ลึก ในYou tubeถึงเรื่อง อุทยานแห่งชาติวังน้ำเขียว ว่ามีเอกชนเป็นผู้บุกลุกจับจองที่ดินเปิดรีสรอทหารายได้ มีการลงทุนสร้างบ้านพักตากอากาศทั้งรายเล็กและใหญ่จำนวนมาก แล้วไม่นานมาเนี่ยก็ทางกรมป่าไม้ัต้องการพื้นที่อุทยานกลับคืนมา เพราะเหมือนจะโดนบังคับจากองค์การมรดกโลก(ไม่รู้ว่าชื่ออะไร)ว่าในพิ้นที่อุทยานวังน้ำเขียวจะต้องไม่มีรีสอทหรือบ้านพักอาศัยปลูกสร้างอยู่ แล้วต้องสร้างพื้นป่าให้กลับมาสู่สภาพป่าที่สมบูรณ์ ถ้าประเทศไทยไม่ทำอย่างนั้นแล้ววังน้ำเขียวจะถูกยกเลิกจากการเป็นมรดกโลก ผมคิดว่าถ้าอุทยานแห่งชาติวังน้ำเขียวหลุดออกจากการเป็นมรดกโลก ก็จะเหมือนกับว่าเราคนไทยยอมรับในเรื่องของการลุกล้ำปลูกสร้างบ้านพักตากอากาศและรีสอรท์ของเอกชน ให้เกิดขึ้นได้ในทุกๆอุทยานแห่งชาติที่อื่นอีกทั่วประเทศ

ทุกคนมีความคิดเห็นอย่างไรบ้างกับเรื่องนี้ มีวิธีแก้อย่างไร
และควรจะทำอย่างไรกับพื้นที่ต่างๆที่มีปัญหา ไม่ว่าจะเป็น
1พื้นที่ของอุทยานแห่งชาติ
2พื้นที่สภต ที่เมื่อก่อนกรมป่าไม้แบ่งที่ดินทำกิน(ป่าเสื่อมโทรม)ให้กับชาวบ้าน โดยมีข้อแม้ว่าจะต้องทำไร่ทำการเกตร ปลูกได้เฉพาะอ้อย มันสำปะหลังและข้าวโพดได้เพียงอย่างเดียว และห้ามขายต่อ

ปล ถ้าmod.เห็นว่าเรื่องนี้ไม่สมควรเอามาพูดคุยกันในนี้ก็ลบได้เลยครับ

Sanit
28-08-12, 08:00 PM
1. อุทยานแห่งชาติในประเทศไทยเท่าที่ผมเคยไปเหยียบมา ไม่มีที่ไหนเลยที่ไม่มีคนเข้าไปจับจองใช้ประโยชน์ที่ดิน ผมเคยไปนั่งหลับๆ ตื่นๆ ฟังเขาถกกันเรื่องทางแก้ปัญหาพวกนี้ ดูเหมือนจะไม่มีทางออก ยกเว้นประเทศไทยจะออกกฎหมายปฏิรูปที่ดินขนานใหญ่

2. อันนั้นเรียกว่า สทก. ครับ ย่อมาจากสิทธิทำกิน วันหลังว่างๆ จะเล่าที่มาที่ไปให้ฟัง ตอนนี้ได้ข่าวว่ายกเลิกไปแล้ว เอาเป็นว่าเป็นการให้สิทธิส่งเดช ขัดต่อเจตนารมณ์ของคนต้นคิดเรื่องนี้ และปราศจากการควบคุม ทำให้มีการซื้อขายเปลี่ยนมือ ตกไปอยู่ในมือของคนที่ไม่ได้จำเป็นต้องถือครองที่ดินเพราะความยากจนจริงๆ

bigsitporn
28-08-12, 08:51 PM
สมัยก่อนเวลาบอกว่ามีที่อยู่วังน้ำเขียว หน้าก็จะบานเท่ากระด้ง เชิญชวนคนนั้นคนนี้มาเที่ยวบ้าน เที่ยวสวนตัวเอง แต่ตอนนี้เวลาคุยเรื่องวังน้ำเขียวก็จะออกแนวเครียดๆ แล้วก็ต้องอธิบายกันยาวครับ ออกตัวก่อนนะครับผมไม่ได้มีรีสอร์ทกับเค้าหรอก ทำสวนเกษตรครับ มีสวนผลไม้ สมัยก่อนจะทำสวนผลไม้ก็เลี้ยงวัวนม ทำปศุสัตว์มาก่อน อยู่มาก็ 13 - 14 ปีแล้วครับ ที่ในสวนผมไม่โดนคดีนะครับ แต่ที่ต้องมาอธิบายเพราะมันไม่ยุติธรรม สื่อที่นำเสนอออกมา เราเสพได้เพียงด้านเดียว ภาพที่ออกมาทางสื่อรุนแรงมาก เหมือนพวกนายทุน ตัดไม้ทำลายป่า จับจองพื้นที่ ทำให้โลกร้อน แต่ในความเป็นจริงที่ดินวังน้ำเขียวเกิดจากการสัมปทานป่าไม้ของภาครัฐ เมื่อ 40 ปีก่อน ป่าไม้ถูกตัดโค่นไปหมด หลักฐานคือโรงเลื่อยที่ อ.ปักธงชัย จากนั้นรัฐก็ประกาศให้พื้นที่นี้เป็นป่าไม้เสื่อมโทรม แล้วจัดการจัดสรรที่ทำกินให้เกษตรกรคือ ที่ สปก. (ไม่มีใครเอาที่ป่าไม้สมบูรณ์ไปแจกแน่นอน) ส่วนที่ดินอีกประเภทที่เป็นข่าวก็คือ ภบท.5 อันนี้เกิดจากสมัยก่อนที่วังน้ำเขียวถูกจัดเป็นที่ของผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ ต่อมาคอมมิวนิสต์กลับใจเข้าร่วมกับรัฐบาล ทางภาครัฐได้อพยบคนจากป่าเขาต่างๆ ให้มาตั้งหมู่บ้าน ไทยสามัคคี ให้ที่ดินคนละ 1 งานเพื่อสร้างที่อยู่อาศัย และให้ที่ดินอีกคนละ 10 ไร่เพื่อทำการเกษตรเลี้ยงชีพ (ซึ่งที่แปลงนี้แหละที่ผมได้ซื้อสิทธิทำกินต่อจากเจ้าของเก่าอีกที) แล้วอย่างนี้จะเรียกว่าพวกผมตัดไม้ทำลายป่าได้อย่างไร รัฐเป็นคนจัดการทุกอย่าง ตั้งแต่อพยบคนมาอยู่ สร้างสาธรณูปโภค เรามีไฟฟ้า น้ำประปา มีวัด มีโรงเรียน มีสถานีตำรวจ มีโรงพยาบาล มีตลาด มีธนาคารกรุงไทย กสิกร ธกส. บางอำเภอยังไม่มีเยอะขนาดนี้เลย ประชาชนในพื้นที่ มีบ้านเลขที่กันหมด มีสัมโนครัวประชากร ไม่ใช่คนเถื่อน ป่าไม้ที่วังน้ำเขียวพวกผมเป็นคนปลูก พวกผมทำให้มันสวยงามจากป่าเสื่อมโทรม กลายเป็นแดนท่องเที่ยว โอ้ยบ่นแล้วยาวครับเดี๋ยวจะเบื่อกันเสียก่อน ผมยอมรับเรื่องที่บางคนใช้ที่ดินผิดประเภทคือไม่ได้ทำการเกษตร แต่ผมไม่ยอมรับเรื่องพวกผมเป็นพวกตัดไม้ทำลายป่าครับ ลองไปที่ FB นี้ดูนะครับตามลิ้งค์เลย ลองค่อยๆอ่านดูมีข้อมูลต่างๆ ที่อธิบายพวกเราได้ดี ได้โปรดให้โอกาศเราได้อธิบายบ้าง อย่าเสพสื่อด้านเดียวแล้วรีบตัดสินพวกเรา ขอบคุณครับ
http://www.facebook.com/profile.php?id=100003256278594

3ox
29-08-12, 06:01 AM
ข้อ1 ผมเป็นคนติด you tube อย่างแรง เพราะว่าเป็นสื่ออีกอย่างที่ถ้าอยากรู้หรือต้องการข้อมูลอะไรก็หาได้แบบง่ายๆ แต่ไม่ละเอียดนัก วันนี้ผมลองพิมพ์คำว่า "แคมป์ปิ้ง" คำง่ายๆ รู้ไหมครับว่าผม ได้รายละเอียดอะไรกลับออกมา 60%ไม่ตรงกับหัวข้อ หรือไม่ตรงกับคำว่า"แคมป์ปิ้ง"ตามที่ผมเข้าใจ แต่อีก40%เป็นการโฆษณาสถานที่แคมป์ปิ้งของเอกชนในรูปของรีสอร์ท มีลานกว้างไว้เป็นที่กางเต้น มีรั้วไม้สีขาวๆบอกถึงอณาเขตของบริเวณที่ๆเราสามารถตั้งเต้นได้ ปลูกหญ้าเหมือนกับสนามหน้าบ้านผมเลย แต่หญ้าที่บ้านผมไม่สวยเหมือนที่รีสอร์ทนั้นเท่าไหร่มีวัชพืชหรือหญ้าชนิดอื่นขึ้นแซมเกือบทั้งสนามทั้งๆที่ทุกวันอาทิตย์ตอนเช้าผมต้องตื่นมาช่วยพ่อตัดหญ้าดูแลสนามหน้าบ้านเป็นประจำไม่เคยขาดตั้งแต่เด็ก จนหนีออกจากบ้าน(อย่างเป็นทางการ)มาอยู่เมกาหลังเรียนจบ ปวส

ในโฆษณารีสอร์ท แทบทุกที่จะมีประโยคอยู่ประโยคนึงที่่ผมถึงกับต้องสะอึก ว่าอะไรนะ:rolleyes:"มาสิค๋ะมาให้เราได้ให้บริการ มาสำผัสอากาศที่สดชื่น บริสุทธื ร่มเย็นด้วยร่มไม้ใหญ่ Bha bha bra เพื่อมาเปิดโลกทัศน์ของคุณให้กว้างใหญ่" มาเปิดโลกทัศน์ Holly #%$@:eek: สนามหน้าบ้านผมก็มี แค่ไม่มีรั้วสีขาว หญ้าไม่ค่อยสวย อากาศไม่ค่อยเย็นเท่านั้นเอง
ผมกลัวอยู่อย่างเดียวว่าคนรุ่นใหม่ของเราจะเข้าใจผิดว่า การไปเปิดโลกทัศน์ก็เป็นแค่ การออกไปตั้งเต้นอยู่บนสนามหญ้าบนเนินดิน(มอ) ที่เค้าสร้างและขีดเส้นสีขาวๆให้อยู่

ปัญหามันมาเกิดก็ตรงที่ รีสอร์ทหลายแห่งตั้งอยู่บนอุทยานแห่งชาติ ในที่ๆโลกทัศน์ที่เราสามารถเรียนรู้ได้ ถ้าป่าคือป่า

ข้อ2 โปรดติดตามตอนต่อไป:D

ตาเกิ้น
29-08-12, 07:19 AM
ปัญหาหมักหมมซับซ้อนมานานครับ ไม่มีอะไรตรงไปตรงมา สื่อก็เชื่อไม่ได้เพราะไม่รู้จริงและเลือกข้างในการทำข่าว

พื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศไทยถูกจับจองไปนานมากแล้ว ตามที่คุณ bigsitporn บอกเล่า ส่วนใหญ่เป็นช่วง 30-50 ปีก่อน ในยุคนั้นเรายังมองว่าการถางป่าปลูกพืชไร่เป็นการพัฒนาประเทศเพราะป่ามีเยอะมากและประเทศไทยต้องการ"พัฒนา" ด้วยการปลูก "พืชเศรษฐกิจ" เพื่อการส่งออก เช่นข้าวโพด, อ้อย, มัน ฯ พ่อผมเคยเล่าให้ฟังว่าในยุคนั้นใครอยากได้ที่ตรงไหนที่เป็นป่าก็แค่ไปแจ้งที่อำเภอระบุสิทธิ์ให้ได้เลยคนละไม่เกิน 50 ไร่ ยุคต่อสู่กับคอมมิวนิสต์ก็ยิ่งไปใหญ่ ตัดถนนเข้าป่าเพื่อรุกเข้าไปในพื้นที่สีแดงอพยพคนเข้าไปในพื้นที่เพื่อให้เข้าถึงพื้นที่ได้ง่ายขึ้น ตอนนั้นมันไม่ใช่เรื่องผิดหรอกครับเพราะสถานะการณ์มันบังคับและทุกคนก็รู้สึกว่าป่ามันมีมาก(เกินไป)

ทีนี้การออกเอกสารสิทธิที่ถูกต้องในบ้านเรามันไม่ทำตามนั้น พื้นที่ๆถูกจับจองแล้วในแบบที่รัฐสนับสนุนหรือปล่อยให้ทำแบบนั้นก็ควรจะออกเอกสารซะให้ถูกต้องแต่ก็ไม่ทำ (หลายคนอาจจะบอกว่าเอาพื้นที่ที่เคยเป็นป่าไปออกเอกสารสิทธิได้ยังไง แต่ลองคิดดูเถอะครับว่าบ้านเมืองที่เราอยู่กันทุกวันนี้มันก็ป่าเดิมทั้งนั้น จับจองกันมาทั้งนั้นเพียงแต่ทำกันมานานกว่า แล้วจะขีดเส้นกันตรงไหนล่ะ)

ผมเชื่อว่าพื้นที่ในชนบทประเทศเราจำนวนมหาศาลที่เป็นหมู่บ้านเป็นไร่นา ล้วนแต่ไม่มีเอกสารสิทธิ์ทั้งนั้น อยู่กันไปแบบคาราคาซังมาหลายสิบปี

ทีนี่เรื่องอุทยานแห่งชาติก็เช่นกัน อุทยานหลายแห่งประกาศเขตโดยไม่ดูตาม้าตาเรือ มีหมู่บ้านอยู่แล้วก็ไม่ประกาศเขตทับ ตัวอย่างหนึ่งที่เห็นได้ชัดก็คืออุทยานเขื่อนศรีนครินทร์ หมู่บ้านเดิมของชาวบ้านอยู่ริมน้ำแคว พอสร้างเขื่อศรีนครินทร์ก็อพยพหมู่บ้านขึ้นบนสันเขาสร้างโรงเรียนสร้างวัดสร้างถนนให้ ต่อมาอุทยานก็มาประกาศทับที่ซะอย่างนั้น

อีกข้างหนึ่งก็ไม่ได้แตกต่างครับ อุทยานที่ประกาศเขตแล้วพื้นที่เป็นป่าก็โดนบุกรุกเช่นกัน ที่แม่เงาพยายามจะประกาศเขตอุทยานให้ถูกต้องไม่ทับที่ชาวบ้านก็ทำไม่สำเร็จสักทีเพราะหมู่บ้านขยายไปเรื่อย ยิ่งทางใต้ตอนนี้หนักเลย ถางป่าปลูกยางปลูกปาล์มกันสนุก พอมั่วกันทั้งสองข้างอย่างนี้ก็นัวไม่รู้ใครผิดใครถูก ไม่รู้จะลากเส้นตรงไหน

ส่วนประเด็นที่ไมค์ 3ox ตั้งขึ้นมาเรื่องรีสอร์ตนี่น่าสนุกมากครับ เดี๋ยวมาต่อด้วย

3ox
29-08-12, 09:22 AM
ส่วนประเด็นที่ไมค์ 3ox ตั้งขึ้นมาเรื่องรีสอร์ตนี่น่าสนุกมากครับ เดี๋ยวมาต่อด้วย

ทราบมาว่าท่านพี่ ตะเวนไปเห็นNational Park , National Forest , Monument เกือบจะทุกมุมโลกมาเรียบร้อบแล้ว แล้วก็เห็นแทบทุกซอกของ ปทท ด้วย เป็นไงบ้างครับ:)

ตาเกิ้น
29-08-12, 10:51 AM
ทราบมาว่าท่านพี่ ตะเวนไปเห็นNational Park , National Forest , Monument เกือบจะทุกมุมโลกมาเรียบร้อบแล้ว แล้วก็เห็นแทบทุกซอกของ ปทท ด้วย เป็นไงบ้างครับ:)

ก็พูดเกินไปมากครับ ท่านนั้นแหละได้มีโอกาสได้ใช้ชีวิตในป่าแบบเชิงลึกมาไม่น้อยกว่าใคร ผมรอฟังความเห็นอยู่ครับ

bigsitporn
29-08-12, 01:12 PM
ขอบคุณพวกพี่มากๆที่ให้ความสนใจครับ โดยเฉพาะความเห็นของพี่ตาเกิ้ลมันใช่เลยครับ จริงๆมันยังมีเรื่องอีกมากแต่ผมไม่อยากเยอะเดี๋ยวจะกลายเป็นคนน่าเบื่อไม่มีใครคุยด้วยครับ แต่ถ้าสนใจจริงๆและไม่น่าเกลียดเกินไปสำหรับรอบกองไฟ ผมก็จะนำมาเสนอให้ได้ทราบกันครับ
http://www.boonsongbirdguide.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=539578457
http://clip.thaipbs.or.th/home.php?vid=2288&ap=flase

3ox
29-08-12, 01:27 PM
ต่อข้อ2 ดีกว่า ข้อนี้เองแหละครับที่ทำให้ผมตั้งกระทู้นี้ขึ้นมา เพราะผมกับแม่มีกระดาษที่รู้สึกว่าจะเอาไปทำอะไรไม่ได้ถึงสองใบ ยอมรับก่อนเลยครับว่ามาอยู่ในมือของคนที่ไม่มีความจำเป็นต้องถือครองที่ดิน แต่ก็ได้มาโดยที่เจ้าของเก่าเองก็ไม่ต้องการ

Sustainable Living " Off The Grid "
ย้อนกลับไปเมื่อต้นปีนี้เองผมกำลังสนใจกับการเกษตรแบบPermaculture(โทษที่ไม่รู้ว่าภาษาไทยเรียกว่าอะไร)ได้หนังสือมาอ่านเล่มนึงชื่อ The one straw revolution ของ Masanobu Fukuoka เป็นหนังสือเกี่ยวกับ การทำสวนแบบเซน "Zen and the art of farming"เนื้อเรื่องในหนังสือ เป็นการทำการเกษตรโดยที่ไม่ทำอะไรเลย ไม่มีการไถ ไม่ใส่ปุ์ยทั้งเคมีและหมัก และไม่ใช้ยาฆ่าแมลง ที่สำคัณใช้แค่เม็ดพันธ์ในการปลูก หลายคนเริ่มยิ้มหรือหัวเราะแล้วใช่ไหม แล้วคิดว่าไม่ใส่อะไรเลยมันจะได้กินเหลอ ผมไม่กะว่าได้ผลอะไรขอให้แค่อยู่ได้โดยไม่อดตาย บนที่ดินที่เมื่อก่อนไม่มีคนต้องการแต่เดียวนี้มีแต่คนอยากได้มาทำสวนยาง ผมกลับอยากทำที่ผืนนี้ให้กลายเป็นป่าที่สมบูรณ์แบบ และอยู่ได้ด้วยตัวของมันเอง นี้ผมไปลึกขนาดกำลังจะสั่งแผงSolar cellหลายแผงทีเดียวเพราะไม่ต้องการมีรายจ่าย(ค่าไฟ) แต่ต้องมาสะดุดกับเรื่อง สทก ที่กำลังเป็นปัญหาอยู่ช่วงนี้ดูเหมือนจะไม่ใครให้คำตอบที่แน่นอนได้เลย

ตาเกิ้น
29-08-12, 01:40 PM
บอกเล่าเพิ่มอีกนิดครับ

ที่ดิบแปลงไหนที่ปล่อยให้รก ไม่ตัดต้นไม้ไม่ไถให้เรียบ "เจ้าหน้าที่"ท่านจะเพ่งเล็งเป็นพิเศษ และจะเข้ามาบอกว่าถ้าไม่ทำอะไรจะยึดเป็นของหลวง

ใครที่เคยมีที่แบบนี้น่าจะเคยเจอครับ;)

ตาเกิ้น
29-08-12, 01:55 PM
การทำเกษตรแบบที่ไมค์กล่าวถึงมีให้เห็นอยู่บ้างครับ

ที่ใกล้เคียงกับ concept และผมประทับใจมีที่บ้านคีรีวง นครศรีธรรมราช
http://travel.upyim.com/wp-content/uploads/2011/09/บ้านคีรีวง3.jpg

ไปมาเมื่อเกินสิบปีก่อน เท่าที่จำได้ ชาวบ้านปลูกผลไม้แทรกตัวอยู่กับป่า ปลูกหลายๆชนิดคละกันไป อะไรออกก็เก็บมากินมาขายหมุนเวียนกันไป ไม่ได้เป็นไร่เป็นสวน

ไม่แน่ใจว่าเดี๋ยวนี้เปลี่ยนไปหรือยัง

ชาวกระเหรียงตามดอยก็คล้ายๆกัน ปลูกข้าวแค่พอกิน ปลูกฟักปลูกแตงนิดๆหน่อยๆ อย่างอื่นหาเอาในป่า แถมที่บ้านมี Sola Cell ที่หลวงมาติดตั้งให้ใช้กันด้วยครับ

jackagee
29-08-12, 11:41 PM
ผมชอบกระทู้นี้จังครับ อ่านแล้วได้ความรู้และแง่คิดอะไรบางอย่างให้ตัวเองมากทีเดียว

3ox
30-08-12, 09:26 AM
ภาพสวยมากครับตาเกิ้น น้ำใสแจ๋วเลย ใช่ที่ คีรีวง นครศรีธรรมราช หรือปล่าวครับ

อันนี้เป็นเตาwood gas stove แบบว่าใช้กิ่งไม้แห้งตรงๆได้เลย สามารถใช้กับไม้ได้แทบทุกชนิด ไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นท่อนฟืน เศษไม้ก้อนเล็กๆก็นำมาใช้ได้ แต่ไม่แนะนำให้ใช้แกลบเพราะจะมีฝุ่นผงตกลงในอาหารได้ ควันไฟไม่มาก ไม่ต้องเอามาทำเป็นถ่านก่อน(ควันไฟจากการเผาถ่านมีผลเสียมาก) ใช้จำนวนไม้น้อยลงแต่เพิ่มการเผาใหม้ รู้สึกว่าที่อินเดียเค้าทำออกมาขายให้กับชาวบ้านที่ยากจนไม่มีแก็สหุงต้มใช้ หรือแก็สหุงต้มมีราคาแพงเกินไป ผมว่าถ้าทำให้มีขนาดใหญ่อีกซะหน่อยก็ใช้ในบ้านได้เลย
<iframe width="640" height="360" src="http://www.youtube.com/embed/Z6evSvYH_RA?feature=player_detailpage" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

อันนี้เห็นชัดหน่อย
<iframe width="640" height="360" src="http://www.youtube.com/embed/pyofhLYYVC8?feature=player_embedded" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

ejom
30-08-12, 12:14 PM
คุณไมค์ครับ ลองค้นดูนะครับ ด.ร.แสวง รวยสูงเนิน บอกว่าลุงฟูทำที่ญี่ปุ่นลุงแหวงก็ทำได้ทำนาแบบไม่ไถไม่หว่านแถมไม่เกี่ยว :-)
โจน จันได ที่แม่แตง เชียงใหม่ ทำเกษตรธรรมชาติ ผลิตอาหารเครื่องนุ่งห่มยารักษาโรค เก็บเมล็ดพันธ์อันหลากหลายในท้องถิ่น ต้านsuper big firm
เจียไต๋ ซีพี มอนซานโต ดูปองค์ GMO :-) เมล็ดผักไม่กี่แกรมราคาหลายร้อยบาท

โซลาร์เซลลองค้น nunkorat นันท์ โคราช ครับ
ส่วนเตาแกสชีวมวล gasifier มีชุมชนเกษตรบางที่ก็ทำขายครับ มีการนำแกสจากการburnมาfeed small gasoline engine คล้ายๆกับlpg :-)

ถ้าประชาชนแค่1/4ของประเทศไม่พึ่งพาระบบcapitalism ประเทศก็จะอยู่ได้ ตามแนวพระเจ้าอยู่หัวเรื่องself sufficience ครับ

3ox
30-08-12, 06:07 PM
คุณไมค์ครับ ลองค้นดูนะครับ ด.ร.แสวง รวยสูงเนิน บอกว่าลุงฟูทำที่ญี่ปุ่นลุงแหวงก็ทำได้ทำนาแบบไม่ไถไม่หว่านแถมไม่เกี่ยว :-)
โจน จันได ที่แม่แตง เชียงใหม่ ทำเกษตรธรรมชาติ ผลิตอาหารเครื่องนุ่งห่มยารักษาโรค เก็บเมล็ดพันธ์อันหลากหลายในท้องถิ่น ต้านsuper big firm
เจียไต๋ ซีพี มอนซานโต ดูปองค์ GMO :-) เมล็ดผักไม่กี่แกรมราคาหลายร้อยบาท

โซลาร์เซลลองค้น nunkorat นันท์ โคราช ครับ
ส่วนเตาแกสชีวมวล gasifier มีชุมชนเกษตรบางที่ก็ทำขายครับ มีการนำแกสจากการburnมาfeed small gasoline engine คล้ายๆกับlpg :-)

ถ้าประชาชนแค่1/4ของประเทศไม่พึ่งพาระบบcapitalism ประเทศก็จะอยู่ได้ ตามแนวพระเจ้าอยู่หัวเรื่องself sufficience ครับ

ขอบคุณครับ ที่ให้ข้อมูล:)