PDA

View Full Version : ชวนเล่น เคนโด้ วิถีแห่งดาบ



Tu555
15-02-13, 11:37 AM
ผมอยากเล่นมานานแล้วละครับ จริงๆ ผมชอบกีฬาที่เกี่ยวข้องกับศิลปะและสมาธิ จนมาเจอธนู เล่นอยู่หลายปีดีดัก พอมาเมื่อวานซืน เจอพี่ทุเรียนบอกไปเล่นเคนโด้มาความรู้สึกอยากเล่นมันพุ่งปรี๊ดดดดด ตรงที่ว่าคำที่พี่ทุเรียนอธิบายอยู่หลายๆ คำ ตรงใจมาก ก็เฃลยไปหาข้อมูลมาเผื่อเพื่อนๆ สนใจน๊ะครับ (เผื่อหาเพื่อนเล่น)
<a href="http://pic.free.in.th/id/d1930f85a440358b974c18174ce7b3b8" target="_blank"><img border="0" src="http://image.free.in.th/z/iq/kendo03.jpg" alt="images by free.in.th" /></a>

ข้อมูลทั้งหมดนี้หามาจากเนตล้วนๆ ครับ ขออนุญาตให้เครดิตทุกทุกๆ ท่าน ถือว่าเป็นวิทยาการก็แล้วกันนะครับ

เคนโด้ คือ ศิลปวิทยายุทธ์ อันมีความหมายว่าวิถีแห่งดาบ ซึ่งมีพื้นฐานจากการใช้ดาบของซามูไร ซึ่งสืบทอดกันมาตั้งแต่ ค.ศ. 789 จนกระทั่งพัฒนามาเป็นกีฬาเคนโด้ กีฬาซึ่งกำลังได้รับความนิยมในกว่า 28 ประเทศทั่วโลก
นอกจากจะเป็นวิชาการต่อสู้รวดเร็วและเด็ดขาดแล้ว เคนโด้ยังแฝงหลักจริยธรรมของนักรบ และความลึกล้ำด้านจิตวิญญาณของศาสนาไว้อีกด้วย วิชาเคนโด้จึงถูกนำมาเป็นวิชาการปกครองแขนงหนึ่ง ซึ่งนักรบ ชนชั้นปกครอง รวมทั้งเหล่าวิญญูชนให้ความนับถือ ยกย่องเป็นพิเศษมาช้านาน จนกระทั่งแพร่หลายไปเป็นวิชาหนึ่งในสถาบันวิชาการปกครอง และการทหารต่างๆ ทั่วโลก รวมทั้งในประเทศไทย
แก่นแท้ของวิชาเคนโด้คือ การผนวก ดาบ จิต และกาย เข้าเป็นหนึ่ง (The union of sword, mind and body) การโจมตีโดยดาบไม้ไผ่ หรือชินัย ซึ่งสานจิต และกายไว้เป็นหนึ่งเดียว จนเอาชนะคู่แข่งได้ในพริบตานี้ เรียกว่า อิทโชะคุ อิตโต (ISSOKU ITTO) หรือ "ดาบเดียวในหนึ่งก้าว" ซึ่งถือเป็นชัยชนะอันยิ่งใหญ่อันเกิดจากการใช้พลังเพียงนิดเดียว ดังนั้น ผู้ที่ฝึกเคนโด้อย่างลึกซึ้ง ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้สูงอายุเพียงไหน ก็สามารถใช้หลักการนี้เอาชนะคู่ต่อสู้ที่มีร่างกายแข็งแรงกว่าได้อย่างง่ายดาย
<a href="http://pic.free.in.th/id/591b7050a3ee5f49774709892957c896" target="_blank"><img border="0" src="http://image.free.in.th/z/in/kendo.jpg" alt="images by free.in.th" /></a>

ที่มากกว่าที่คาดหวัง ผมก็ไปหามาต่อเรื่องซามูไร ก็เลยเจอ บูชิโด ซึ่งเป็นแนวความคิดดีๆ อีกครับ
ในเหตุการณ์แผ่นดินไหวและคลื่นยักษ์สึนามิถล่มญี่ปุ่น อย่างรุนแรงและตามมาด้วยวิกฤติการณ์โรงไฟฟ้านิวเคลียร์นั้น สิ่งที่คนญี่ปุ่นแสดงออกมาได้สร้างความแปลกใจ ต่อสายตาชาวโลก โดยภาพที่เห็นคือ ความสามัคคี เข้มแข็ง และมีระเบียบวินัยอย่างยิ่งยวด ไม่มีอาการตื่นตระหนกขวัญเสียตีกอกชกหัวให้เห็น ไม่มีการปล้นสะดมร้านค้า มีการเข้าแถวอย่างเป็นระเบียบเพื่อรอรับของบริจาค มีการแบ่งปันสิ่งของเอื้ออนาทรกันทั่วไป ทุกคนทำหน้าที่ของตนเองเพื่อนำพาชาติให้พ้นวิกฤติอย่างเข้มแข็งราวกับหุ่นยนต์ที่ถูกโปรแกรมไว้
สิ่งใดที่ทำให้คนญี่ปุ่นเป็นเช่นนั้น ในสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดได้ ?
ในทางจิตวิทยา เรามาทำความความรู้จักกับลัทธิลัทธิหนึ่ง ที่ฝังรากลึกเข้าไปในสายเลือดและจิตวิญญาณของชาวญี่ปุ่นผ่านทางสังคม การศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรมลัทธินั้นคือ ลัทธิบูชิโดครับ
<a href="http://pic.free.in.th/id/305222b5a10deafb7191975004599070" target="_blank"><img border="0" src="http://image.free.in.th/z/ip/bushido.jpg" alt="images by free.in.th" /></a>

จะดีแค่ไหนหากเด็กๆ ของเรา เป็นเด็กที่มีระเบียบ วินัย รักชาติ รักส่วนรวม

"บูชิโด" แปลได้ว่าว่า "วิถีแห่งนักรบ" เป็นหลักการที่พัฒนาขึ้นในญี่ปุ่นช่วงศตวรรษที่ ๙-๑๒ สมัยเฮ-อัน และโตกุกาวะ ถือเป็นหลักการและแนวปฏิบัติของซามูไร ที่ยึดหลักความจงรักภักดี การเสียสละ ความละอาย ความมีมารยาท ความอ่อนน้อม เกียรติยศ และความรักผูกพัน เป็นแนวในการปฏิบัติตน
บูชิโด มีจุดกำเนิดจากการผสมผสานความเชื่อทางพุทธศาสนานิกายเซน คำสอนของขงจื้อ และศรัทธาในลัทธิชินโต
ศาสนาพุทธเชื่อเรื่องการตายแล้วเกิดใหม่ ผู้ยึดถือบูชิโดโดยเฉพาะซามูไรจึงไม่กลัวอันตรายและความตาย
นิกายเซนเน้นการทำสมาธิเพื่อบรรลุนิพพาน เซนสอนให้คนรู้จักตนเองและไม่ยึดติดกับตัวตน ซามูไรใช้เซนในการฝึกเพื่อขับไล่ความกลัว ความไม่แน่นอนใจและความผิดพลาด
ชินโต สร้างความจงรักภักดีและความรักชาติให้แก่บูชิโด ชินโตบูชาบรรพบุรุษและนับถือจักรพรรดิดุจเทพเจ้า ซามูไรจึงจงรักภักดีต่อจักรพรรดิและเจ้านาย ชินโตเชื่อว่าแผ่นดินญี่ปุ่นเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์และที่สถิตของเทพและวิญญาณของบรรพบุรุษ ซามูไรจึงมีความรักชาติและศรัทธาที่จะปกป้องแผ่นดิน
ขงจื้อสอนให้เชื่อในโลกของมนุษย์ สิ่งรอบตัวและครอบครัว โดยเน้นคุณธรรมความสัมพันธ์ ๕ ประการ ระหว่าง เจ้านายกับลูกน้อง พ่อกับลูก สามีกับภรรยา พี่กับน้อง และเพื่อนกับเพื่อน ซึ่งเป็นความสัมพันธ์ที่ซามูไรยึดถือ
นอกจากคุณธรรมต่างๆดังกล่าวข้างต้น บูชิโดยังประกอบด้วยหลักความยุติธรรม ความจริงใจ ความซื่อสัตย์สุจริต และการควบคุมตนเอง ความยุติธรรมถือเป็นหลักการสำคัญอันหนึ่งของซามูไร ความกะล่อนและการประพฤติมิชอบเป็นการกระทำที่ต่ำช้าของมนุษย์ ซามูไรเชื่อว่าความจริงใจและความซื่อสัตย์ทำให้ชีวิตมีคุณค่า มีคำพูดที่ว่า "บูชิ โนะ อิชิกง" แปลว่า "วาจาของซามูไร" มีความหมายถึง ความเชื่อใจและความจริงใจ ซามูไรจึงมีสัจจะวาจาเป็นศักดิ์ศรีแห่งตน ซามูไรต้องควบคุมตัวเองไม่อ่อนไหว ไม่แสดงอาการไม่ว่าเจ็บหรือยินดี ไม่บ่นไม่ร้องไห้ ต้องสงบนิ่งทั้งการกระทำและจิตใจ ซามูไรที่ยึดถือและปฏิบัติบูชิโดโดยครบถ้วนนับเป็นนักรบที่แท้จริงและสมบูรณ์แบบ
ในสมัยปฏิรูปของจักรพรรดิเมจิ นักรบซามูไรเริ่มสลายตัว ซามูไรคนสุดท้ายที่เป็นที่ยอมรับ คือ ไซโก้ ทาคะโมริ ซึ่งมีการนำชีวิตเขาไปถ่ายทอดเป็นภาพยนตร์เรื่องเดอะลาสต์ซามูไร นำแสดงโดย ทอม ครุยส์ แม้นักรบซามูไรจะหายไปในสมัยต่อมา แต่ปรัชญาบูชิโดยังดำรงอยู่ในสังคมญี่ปุ่นอย่างฝังรากลึก ในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ ๒ นักบินหน่วยกามิกาเซะ ซึ่งแปลว่า ลมเทพเจ้า ได้ฝึกบูชิโดฝังความจงรักภักดีต่อชาติและองค์พระจักรพรรดิ ให้ฝังรากลึกอยู่จิตใจของนักบินกามิกาเซ่ทำให้สามารถกล้าสละชีวิตขับเครื่องบินบรรทุกระเบิด เข้าชนกองเรือศัตรูเพื่อแผ่นดินเกิดได้
หลังจากสงครามโลกครั้งที่ ๒ กองทัพญี่ปุ่นล่มสลาย เกิดนักรบบูชิโดรุ่นใหม่คือ นักรบธุรกิจ ที่ยึดถือบูชิโดและทำงานให้บริษัทอย่างจงรักภักดี ซามูไรพันธุ์ใหม่จะอุทิศตนและเวลาให้แก่องค์กรเสียยิ่งกว่าครอบครัวของตน จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ไม่เคยเห็นคนญี่ปุ่นเอาเวลางานไปรับลูกส่งเมีย แต่กลับทำงานหามรุ่งหามค่ำถึงห้าทุ่มเที่ยงคืนเป็นปกติ ทำทุกอย่างเพื่อองค์กรของตนเอง และยึดถือในศักดิ์ศรีและความซื่อสัตย์อย่างที่สุด สิ่งนี้เองทำให้เศรษฐกิจญี่ปุ่นเจริญรุ่งเรือง ส่งผลให้ญี่ปุ่นกลับมาผงาดอย่างมีเกียรติและศักดิ์ศรีอีกครั้ง
<a href="http://pic.free.in.th/id/efa7397fdc9c31d0a66989273943d66b" target="_blank"><img border="0" src="http://image.free.in.th/z/ia/c4tbb.jpg" alt="images by free.in.th" /></a>
ไม่ใช่เฉพาะธุรกิจเท่านั้นลัทธิบูชิโดยังปลูกฝังเข้าไปในระบบการศึกษาของญี่ปุ่น อันจะเป็นกำลังสำคัญของชาติในอนาคต
เด็กชาวญี่ปุ่นจะถูกฝึกให้มีวินัยตั้งแต่เล็ก วัฒนธรรมญี่ปุ่นจะสอนให้เคารพต่อสังคมและมีการสร้างแรงจูงใจให้อยู่รวมเป็น กลุ่มโดยให้รางวัลเป็นกลุ่มมากกว่าจะให้รางวัลเป็นบุคคล ซึ่งเป็นการปลูกฝังความสามัคคีและความเสียสละให้กับเด็ก
การศึกษาของญี่ปุ่นเน้นหนักในเรื่องความขยัน การตำหนิตนเองหากกระทำผิด ตลอดจนการสร้างอุปนิสัยการเรียนรู้ที่ดี ชาวญี่ปุ่นถูกปลูกฝังว่าการทำงานหนักและความขยันหมั่นเพียรจะทำให้ประสบความสำเร็จในชีวิต โรงเรียนจึงอุทิศให้กับการสอนทัศนคติ คุณธรรม จริยธรรมให้กับนักเรียนทั้งทางตรงและทางอ้อม เพื่อที่จะพัฒนาอุปนิสัยและมีเป้าหมายในการสร้างประชากรที่สามารถอ่านออก เขียนได้ และปรับตัวให้เข้ากับค่านิยมและวัฒนธรรมของสังคมได้

Tu555
15-02-13, 11:52 AM
แข่งขันไฮไลท์หนึ่งทีเดียวของการชิงแชมป์โลกในวันนั้น เพราะเป็นการแข่งที่ต้องใช้สมาธิสูงมากา ฉันก็ดันไปจับเจอกับญี่ปุ่น ที่มีศักดิ็ศรีเป็นถึงแชมป์โลกเก่าในปีก่อนหน้า โดยเจอกันตั้งแต่รอบแรก ซึ่งฟังดูก็ค่อนข้างน่าเซ็งเล็กน้อย
ฉันดูคู่แล้ว คู่เล่า ที่ออกไปแข่ง แต่ละปรเทศก็ดวลกันไปทีละคู่ ๆ คู่ฉันกับญี่ปุ่นเป็นคู่สุดท้าย ระหว่างที่ดู ฉันอดคิดในใจไม่ได้ว่า แหม...ถ้าให้เราแข่งกับประเทศนู้น ประเทศนี้ ก็มีสิทธิ์ลุ้นแล้วนะนี่ ฯลฯ แต่ก็คงเป็นเพราะเหตุปัจจัยเราทำมาได้ดีพอนั่นเอง จึงเจอกระดูกซะขนาดนั้นในรอบแรก

ในเวลาคับขันอย่างนั้นเอง ที่ฉันรู้ตัวเลยว่า วิชาการเจริญสติที่เคยได้ฝึกมาบ้างนั้น มันขึ้นมาทำหน้าที่อุปถัมภ์ของมันเองเลยแบบไม่ได้ตั้งใจ

ตอนที่กรรมการให้สัญญาณฉันกับผู้เข้าแข่งขันจากญี่ปุ่นเข้าประจำที่นั้น ฉันเห็นกล้องเป็นร้อย พัน หมื่นกล้องเห็นจะได้ รายล้อมอยู่ด้านหน้าฉันแน่นขนัดไปหมด เขามาทำข่าวแม่สาวคนที่ฉันต้องแข่งด้วยนั่นเอง เธอดังมาก เขาว่าอย่างนั้น
ไหนจะกล้องทีวีของเอ็นเอชเค และสถานีอื่น ๆ และกล้องนักข่าว กล้องผู้เข้าแข่งขันคนอื่นจากรายการแข่งขันอื่น ๆ และกล้องจากผู้เข้าชม ฯลฯ ฉันตาลายไปหมดจริง ๆ
ตามปกติ ฉันเป็นคนที่ขี้ตกใจ แล้วก็ขี้กลัวอย่างเหลือร้าย จำได้ว่า ระหว่างที่นั่งรออยู่ ฉันตั้งจิตอธิษฐานถึงในหลวงทันที บอกว่า มาทำหน้าที่หนนี้ไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง แต่ทำเพื่อชาติ เพื่อในหลวง ขอให้ทำออกมาได้ไม่ขายหน้าประเทศชาติด้วยเถิด อยากทำอะไรดี ๆ ถวายท่าน แล้วจากนั้นฉันก็เริ่มตั้งใจเจริญสติตามวิธีที่ได้เคยฝึกมาที่วัดห้วยส้ม
จากอาจารย็์ทั้งสองท่าน

พอถึงวินาทีที่กรรมการเสื้อขาวที่เห็นในภาพ ออกคำสั่งเรียกผู้เข้าแข่งขันทั้งสองคนออกไปยืนประจำที่พร้อมแข่งในท่าแรกจริง ๆ เป็นเรื่องน่ามหัศจรรย์มาก ที่ใจฉันกลับนิ่ง สงบ สบาย เหมือน ๆ จะใกล้เข้าอารมณ์ปิติแล้วด้วยซ้ำ มันเป็นความรู้สึกที่นิ่งมากเหมือนจะสามารถยิ้มกับตัวเองและ
โลกกว้างได้เลยด้วย และพอเขาออกคำสั่งท่าแรก คือ ท่าฟันศีรษะ (ที่เห็นในภาพ) ฉันก็รู้สึกเหมือนตัวฉันมีพลังดีดออกไปข้างหน้าพร้อมกับเปล่งเสียง
กำลังภายในออกมาจากท้องเหมือนที่เซนเซเคยสอนไว้ได้อย่างไม่เคยทำได้มาก่อน
โดย ตลอดเวลานั้น ใจไม่เคยออกมาจากสมาธิที่นิ่งและชัดเจนเลย

อีกประการหนึ่งก็คือ การแข่งประเภทนี้จะต้องมีการออกเสียงประกอบ
และตอนซ้อมฉันจะรู้สึกใจถูกรบกวนด้วยเสียงแม่คนนี้มาก เพราะเธอ
เสียงดังข้ามมาอีกฝั่งหนึ่งของสนามกีฬาแห่งนี้ทีเดียว ทั้งเสียงร้อง และเสียงกระทืบเท้าของเธอเวลาออกดาบ แต่เวลาแข่งจริง ฉันกลับไม่ได้ยินเสียงเธอเลย ไม่ได้ยินหรือรับรู้แม้นกระทั่งว่าเธอมีตัวตนอยู่ตรงนั้นด้วยซ้ำไป นับว่าเป็นเรื่องที่น่าอัศจจรย์ใจมาก ถ้าชีวิตจริงฉันสามารถปิดสวิทช์ทุกครั้งได้ที่ต้องการอย่างนี้เวลาที่ไม่ต้องการ
ได้ยินเสียงอะไรก็คงจะวิเศษมากไม่น้อย

ฉันแข่งต่อไปจนจบหมดทุกท่า และถึงแม้ฉันจะแพ้แม่แชมป์โลกสาวคนนี้ในการแข่งขันประเภทนี้ แต่อย่างน้อยฉันก็คิดว่าฉันได้เรียนรู้อะไรจากตรงนี้อีกเยอะมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการ "ดูใจ" ของตัวเองเวลามีทุกข์ หรือ ความเครียด ความกลัว เข้ามาบีบคั้นอย่างสุด ๆ อย่างน้อย ๆ ฉันค้นพบอีกครั้งแล้วว่า ในยามคับขัน หรือเมื่อมีเหตุการณ์ "ทุกข์" มาีีบีบคั้นถึงที่สุด สติที่ได้รับการฝึกไว้จะคอยมาอุปถัมภ์ช่วยให้ผ่านมาได้ด้วยดีเสมอ

Tu555
15-02-13, 11:57 AM
จากที่ผมดูๆ มาแล้วมีหลายที่หลายเวลาครับ มีทั้งที่ ศูนย์วัฒนธรรมไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง , ท้องฟ้าจำลอง ที่ใกลๆ บ้านเช่น ศูนย์กีฬาเยาวชนบางกะปี(แถวๆ เดอะมอลล์บางกะปิ) โรงเรียนบางกะปิ(เลยไปหน่อย) มหาวิทยาลัยรามคำแหง ซึ่งแต่ละที่มีเวลาต่างๆ กัน เข้าไปดูที่นี่ได้ครับ http://thailandkendo.com/location.html
เดี๋ยวผมจะลองติดต่อดู แล้วจะหาข้อมูลมาเพิ่มเติมต่อไปครับ
<a href="http://pic.free.in.th/id/389e3e8d5d478b8a871d0cf1275264e4" target="_blank"><img border="0" src="http://image.free.in.th/z/io/11415_555187024499155_2098346937_n.jpg" alt="images by free.in.th" /></a>

Tu555
15-02-13, 12:02 PM
<a href="http://pic.free.in.th/id/849bce9d7239f9e86af9a2b6c34e87f0" target="_blank"><img border="0" src="http://image.free.in.th/z/iu/orita20kensaku20tvseries20kendo20japan201971201.jpg" alt="images by free.in.th" /></a>
เป็นเรื่องเกี่ยวกับกีฬาเคนโด โดย Morita Kensaku และ Hayase Kumi เรื่องนี้น่าจะเมื่อสามสิบปีที่แล้วครับ
<a href="http://pic.free.in.th/id/add5d5b0bf7c6d7611e12131f70cca72" target="_blank"><img border="0" src="http://image.free.in.th/z/ig/morita3.jpg" alt="images by free.in.th" /></a>
ดูๆ ไป พระ นาง คู่นี้หน้าคุ้นๆ เหมือนกับ พี่ชายเจ้าของร้านกล้อง กะ พี่สาวเจ้าของร้านน้ำชอบกล

pumkin
15-02-13, 09:07 PM
เหลือแต่ กี กะ ฮากะมะ สีน้ำเงินเก่าๆ

ที่เหลือ อยากได้มา แต่ พังไปแล้วมาเล่น

จาได้มีหัวโน ข้อมือเขียวกัน เวลา ตี พลาด

มาๆๆ


เอาด้วย

อยากเล่นอีก.................................................................แล้ว


เมื่อไหร่ว่ามา ง่ะ


ช่วงนี้งานเข้าเยอะ อ่ะ แง่มๆๆๆ

quixote
18-02-13, 01:26 PM
อยากเล่นมานานแล้วตั้งแต่เด็กเพราะติดการ์ตูนเรื่องมุซาชิเป็นอย่างมาก เข้ามหาลัยก็ไม่มีชมรมให้เล่นก็เลยไปเล่นฟันดาบสากลพวกเอเป้ สนุกสนานแต่่ร้อนตับแลบและเหม็นอย่างร้ายกาจ ถุงมือนี่แบบแฉะเหม็นอับ ดูภายนอกแต่งตัวโก้เชียวชุดขาวล้วนแต่ด้านใน มายก๊อดดดด

siriwut
18-02-13, 01:47 PM
เห็นกระทู้นี้แล้วนึกถึงวันวานอันยาวไกล ณ โรงฝึกเมืองไอสึ จังหวัดฟุกุชิมา

<a href="http://image.ohozaa.com/view2/wEDOn396VL6Is44Z" target="_blank"><img border="0" src="http://image.ohozaa.com/i/8a0/TSkUHv.jpg" /></a>

ภาพถ่ายที่ยังคงหลงเหลืออยู่ นอกนั้นหายไปกับฮาร์ดดิสตัวเก่าเรียบร้อย