View Full Version : โลกพิศวงของ Quantum Physics ที่อาจจะเปลี่ยนความเชื่อทุกอย่างในโลกนี้
ตาเกิ้น
03-02-14, 12:30 PM
ไม่ใช่การเมือง ไม่ได้ชวนเที่ยวป่า ไม่ได้ชวนยิงธนู หรือไปตกปลา แต่มาแนวใหม่ชวนดูสารคดีวิทยาศาสตร์ที่อาจจะทำให้เราคิดได้ว่าอะไรที่เรายึดมั่นว่าจริง อาจจะไม่จริงไปทั้งหมดเลยก็ได้ (รวมทั้งเรื่องการเมืองที่ทะเลาะกันอยู่นี่ด้วย)
โลกพิศวงของ Quantum Physics เมื่อคืนได้ดูสารคดีนี้ทาง discovery channel แล้วไม่ตื่นตาแต่ตื่นใจมาก อยากจะชวนให้ดูและคิดตามกันดูครับ
http://youtu.be/PpQdMM6Vr70
ผมไม่เคยรู้เรื่อง Quantum Physics มาก่อน (ถ้าใครไม่รู้ ก่อนจะเป็นอย่างที่เห็นอย่างทุกวันนี้ ผมเคยเป็นนักเรียนฟิสิกส์ระดับต้นๆสมัยเรียนมัธยมนะครับ ขอโม้หน่อย) แต่พอได้ดูเมื่อคืนแล้วตื่นเต้นมาก เพราะ quantum physics หรือกฏวิทยาศาสตร์ของโลกระดับอานุภาคจิ๋วนี้ไม่สามารถใช้กฏวิทยาศาสตร์ที่เรารู้จักและถูกสอนให้เชืออธิบายได้เลย ที่จริงมันถึงขนาดอาจจะทำลายล้างความเชื่อหรือสิ่งที่สามารถเห็นได้ทั้งหมดอีกด้วย
เรื่องของ Quantum Physics นี้มีมากมายหลายเรื่องที่นักวิทยาศาสตร์ยังไม่สามารถอธิบายได้แม้จะพบมาแล้วกว่าร้อยปี แม้แต่ไอนสไตน์ก็ยังยอมแพ้
เรื่องเหล่านี้แปลกยิ่งกว่านิยายวิทยาศาสตร์ และไม่สามารถอธิบายได้ด้วยกฏของ Physics ที่เราใช้กันอยู่ในโลกปัจจุบัน ผมยกตัวอย่างเช่น อนุภาคจิ๋วที่เล็กกว่าอะตอม สามารถอยู่ในสองที่ในเวลาเดียวกัน สามารถย้อนกลับไปเปลี่ยนอดีตได้ สามารถยืมพลังงานจากอนาคตมาใช้ก่อนได้ ไม่สามารถจับในอยู่กับที่แน่นอนได้ อานุภาคนี้จะเห็นเป็นอนุภาคเมื่อมีการมองแต่จะกลายเป็นคลื่นเมื่อไม่มอง!!!??? สามารถสัมพันธ์ (entangled) กับ อีกอนุภาคหนึ่งที่อาจจะอยู่ห่างกันเป็นล้านๆกิโลเมตรโดยที่เคลื่อนไหวสัมพันธ์กันตลอดเวลา(ซึ่งหมายถึงว่ามันจะต้องสื่อสารกันด้วยความเราที่เหนือกว่าแสงหลายเท่า) ซึ่งสิ่งเหล่านี้ชี้แนะไปว่าเราอาจจะมีจักรวาลมากมายที่ดำเนินไปอย่างขนานกันอยู่!!!!!
หลายคนอาจจะคิดว่า "แล้วทำไม มันจะมีประโยชน์อะไรกับชีวิต" ภรรยาผมก็ถามทันทีที่เห็นผมตื่นเต้น
ถ้าคิดลงไปให้ลึกว่าปรากฏการเหล่านี้ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ระดับอานุภาพจิ๋ว เพราะสรรพสิ่งรวมทั้งตัวเราล้วนประกอบขึ้นมาด้วยอานุภาคจิ๋ว มันก็เป็นไปได้ว่าตัวเราอาจมีหลาย instant (ขอโทษนึกคำไทยไม่ออกครับ) หลาย version ณ เวลาหนึ่ง เป็นไปได้ว่าเราอาจจะสามารถเดินทางย้อนเวลาได้
สิ่งที่ผมตื่นเต้นมากที่สุดก็คือ สิ่งที่เรา(ถูกสอนมาให้)เชื่อทุกอย่างล้วนสร้างมาจากหลักวิทยาศาสตร์ ผมหมายถึงทุกอย่างจริงๆไม่ว่าจะเป็นเรื่องทำมาหากิน เรื่องการเมือง เรื่องกฎหมาย หรือสังคม
แต่ด้วยความน่าพิศวงของ Quantum Physics สักวันหนึ่งหลักวิทยาศาสตร์และตรรกะที่เราเชื่อนี้อาจจะถูกหักล้างไปหมดกลายเป็นเรื่องที่ไม่จริง ไม่ถูกเสมอไป สักวันเราอาจจะสามารถอธิบายสิ่งที่(เราคิดว่า)เหลวไหลไม่เป็นตามหลักวิทยาศาสตร์ได้
ลองดูและตั้งใจคิดตามสารคดีนี้นะครับ ถ้าอยากดูพากย์ไทยก็ลองหาดูมีฉายใน UBC
ข้อคิดสำคัญที่ผมได้จากการดูสารคดีนี้คือ อย่ายึดมั่นถือมั่นกับความเชื่อจนเกินไปครับ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเมืองหรือทุกๆเรื่อง หรือแม้แต่วิทยาศาสตร์(ผมชักสงสัยแล้วว่ามันจะไม่จริงเสมอไป) จักรวาลนี้อาจจะซับซ้อนและไม่แน่นอนมากกว่าที่เราคิด ถ้าคิดได้อย่างนี้ชีวิตเราอาจจะมีความสุขขึ้นอีกครับ
ป.ล. ผมยังไม่บ้านะครับ
quixote
03-02-14, 01:55 PM
โอ๊ะ ตาเกิ้นชอบฟิสิกส์เหมือนกันหรือเนี่ย Quantum Physics นี่ทำเอาไอน์สไตน์ งง ถึงกับอุทานว่า Spooky มาแล้ว ด้วยคุณสมบัติหลุดโลกในคนละแนวกับทฤษฎีสัมพันธภาพซึ่งหลุดโลก (ในสมัยนั้น)เช่นเดียวกัน Quantum Physics มีตัวอย่างเช่น engtanglement หมายถึงการเปลี่ยนแปลงของสิงหนึ่งที่ตรงนี้ มีผลทันที (ข้ามเวลาและอวกาศ) กับสิ่งที่คู่กับมันในที่ตรงโน้นนนน รวมทั้ง อนุภาคหนึ่งๆ มีความน่าจะเป็นที่จะอยู่ตรงไหนก็ได้ในเอกภพนี้ แต่จะปรากฎว่าอยู่ตรงที่เรามองมันแค่ตอนที่เราสังเกตุมันเท่านั้น ฮ่า ท่าทางจะมีเรื่องไปโม้กะตาเกิ้นแล้ว (ถามตาเกิ้นก่อนไหมนี่ว่าอยากฟังไหม)
ตาเกิ้น
03-02-14, 02:48 PM
โอ๊ะ ตาเกิ้นชอบฟิสิกส์เหมือนกันหรือเนี่ย Quantum Physics นี่ทำเอาไอน์สไตน์ งง ถึงกับอุทานว่า Spooky มาแล้ว ด้วยคุณสมบัติหลุดโลกในคนละแนวกับทฤษฎีสัมพันธภาพซึ่งหลุดโลก (ในสมัยนั้น)เช่นเดียวกัน Quantum Physics มีตัวอย่างเช่น engtanglement หมายถึงการเปลี่ยนแปลงของสิงหนึ่งที่ตรงนี้ มีผลทันที (ข้ามเวลาและอวกาศ) กับสิ่งที่คู่กับมันในที่ตรงโน้นนนน รวมทั้ง อนุภาคหนึ่งๆ มีความน่าจะเป็นที่จะอยู่ตรงไหนก็ได้ในเอกภพนี้ แต่จะปรากฎว่าอยู่ตรงที่เรามองมันแค่ตอนที่เราสังเกตุมันเท่านั้น ฮ่า ท่าทางจะมีเรื่องไปโม้กะตาเกิ้นแล้ว (ถามตาเกิ้นก่อนไหมนี่ว่าอยากฟังไหม)
สนใจมากครับ
คราวหน้ามาตั้งวงกาแฟกันครับ
ตาเกิ้น
03-02-14, 06:24 PM
http://youtu.be/-nr46H-SgD4
อันนี้พากย์ไทยครับ
movingbox
03-02-14, 10:07 PM
เรื่องนี้ยอมแพ้ครับ...ไม่สามารถจริงๆ
โลกตะวันตก เพ่อรู้ว่าไม่นานมานี้ว่า มีแค่จักรวาลคู่ขนาน
แต่โลกตะวันออกของเรา รู้จัก "ไตรภูมิ" มาหลายร้อยหรือนับพันปีแล้วครับ
ทฤษฏีไตรภูมินี่น่าจะมีคนเอามาอธิบายให้ฟังง่ายๆ บ้างนะครับ
เรื่องวิทยาศาสตร์ผมไม่กระดิกหูเลย แต่เคยอ่านโฆษณาผ่านๆ คนแต่งหนังสือเขาโม้ว่าลึกล้ำกว่าฝรั่งมากครับ
ผมว่าความรู้ในปัจจุบันยังถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับสิ่งรอบตัว
ตัวอย่างเช่น ความว่างเปล่ามีจริงหรือไม่
สมมติครูมีกล่องใสๆ มองทะลุได้ใบหนึ่งซึ่งมีแก้วอยู่ข้างใน
1. เอาแก้วออก แล้วถามเด็กๆ บางคนก็จะบอกว่าในกล่องไม่มีอะไรว่างแล้ว ส่วนเด็กที่มีความรู้ขึ้นมาหน่อยก็จะบอกว่ายังมีอากาศอยู๋
2. พอสูบอากาศออก บางคนก็ยังคงเถึยงว่ามันยังไม่ว่าง ถ้ามันว่างจริงคงไม่สามารถมองทะลุได้ ?!?!?
ทุกวันนี้ก็ยังคงไม่เข้าใจในความว่างของเอกภพว่าจริงๆแล้วมีสภาวะเป็นอย่างไร
ตัวอย่างเช่น เราจะสามารถวัดระยะระหว่าง A และ B ในสภาวะความว่างที่แท้จริงได้หรือไม่
ตัวอย่างเช่นเราวัดระยะระหว่าง A และ B บนถนน ด้วยตลับเมตรเราก็จะไ้ด้ความยาวค่าหนึ่ง แต่ถ้า A ฺ B อยู่ในสถาวะที่ว่างเปล่า เราจะวัดด้วยวิธีดังกล่าวได้หรือไม่ เพราะความยาวที่ได้ที่จริงก็คือความยาวบนสายตลับเมตร ซึ่งคำตอบที่จริงอาจใช่หรือไม่ก็ได้
ในกรณีเดียวกันอนุภาคที่ว่ากันว่าแสดงความสัมพันธ์กันและกันโดยไม่อาศัยเวลาหรือระยะทางนั้น แท้จริงแล้วการที่เราไปสร้างอนุภาคดังกล่าวขึ้นแล้วแยกมันออกจากกันไว้ต่างสถานที่กันนั้น ในมุมมองของเราบอกว่ามันไม่ได้อยู่ที่เดียวกัน แต่ในมุมมองของมันอาจจะยังคงอยู่ที่จุดเดียวกันก็ได้
ผมเคยได้ยินคนพูดว่า วิทยาศาตร์เป็นสิ่งที่อธิบายบางอย่างที่ธรรมชาติแสดงออกมาอย่างเสมอๆ อย่างซ้ำๆ และเป็นกฏเกณฑ์
ดังนั้น ผมไม่แปลกใจเลยว่าบางอย่างเกิดมาโดยที่วิทยาศาสตร์ยังอธิบายไม่ได้ เพราะยังไม่เกิดมาซ้ำๆ อย่างมีกฏเกณฑ์
บางที่มันเล็กมาก นานมากกว่าจะเกิดซ้ำ ซับซ้อนเกินกว่าจะหาคำอธิบาย
บางเรื่องก็สำคัญ บางเรื่องก็ไม่สำคัญ
แล้วแต่จะให้ความหมาย แล้วแต่จะอยู่ใกล้กับตัวตนมากเพียงไร
ห่างไกลจากตัวตนมาก ก็จะให้ความหมายกับสรรพสิ่งน้อย
ให้ความหมายกับสรรพสิ่งน้อย ก็เข้าใกล้ความบริสุทธ์ เดิมแท้มาก
เข้าใกล้จิตเดิมแท้มาก ก็จะเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ
เมื่อเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ ล้วนเข้าถึงแก่นลึกของทุกสรรพสิ่ง
ซึ่งล้วนเหมือนกัน ต่างกันเพียงการให้ความหมาย
ผมเคยได้ยินคนพูดว่า วิทยาศาตร์เป็นสิ่งที่อธิบายบางอย่างที่ธรรมชาติแสดงออกมาอย่างเสมอๆ อย่างซ้ำๆ และเป็นกฏเกณฑ์
ดังนั้น ผมไม่แปลกใจเลยว่าบางอย่างเกิดมาโดยที่วิทยาศาสตร์ยังอธิบายไม่ได้ เพราะยังไม่เกิดมาซ้ำๆ อย่างมีกฏเกณฑ์
บางที่มันเล็กมาก นานมากกว่าจะเกิดซ้ำ ซับซ้อนเกินกว่าจะหาคำอธิบาย
บางเรื่องก็สำคัญ บางเรื่องก็ไม่สำคัญ
แล้วแต่จะให้ความหมาย แล้วแต่จะอยู่ใกล้กับตัวตนมากเพียงไร
ห่างไกลจากตัวตนมาก ก็จะให้ความหมายกับสรรพสิ่งน้อย
ให้ความหมายกับสรรพสิ่งน้อย ก็เข้าใกล้ความบริสุทธ์ เดิมแท้มาก
เข้าใกล้จิตเดิมแท้มาก ก็จะเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ
เมื่อเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ ล้วนเข้าถึงแก่นลึกของทุกสรรพสิ่ง
ซึ่งล้วนเหมือนกัน ต่างกันเพียงการให้ความหมาย
วันตรุษผ่าานไป ได้เวลา วันวาเลนไทล์ ซ้อนกะมาฆบูชา ตามนั้น มีซับซ้อน มีง่ายๆ มีแตกต่าง แต่ก็แยกไม่ได้
เอาไงดี เจอกันก็ อย่าลืมทักทาย และก็ กุหลาบสักดอกก็ดีน่ะ อิอิอิอิอิอิอิ
ตาเกิ้น
05-02-14, 06:33 AM
ผมกำลังรออาจารย์ SMT อยู่เลยครับ มุมมองยอดเยี่ยมเช่นเคย
ผู้การตู้ครับ คาดมิถึงว่าท่านจะลึกซึ้งได้ถึงเพียงนี้
ส่วนครู ฟักทอง ผมก็ตามไม่ทันเช่นเคย
ข้าน้อยขอคารวะทั้งสามท่าน
FredBob
05-02-14, 04:55 PM
เคยสนใจหยิบหนังสือชื่อ กลศาสตร์ควอนตัมขึ้นพื้นฐาน ของท่านอาจารย์สิทธิชัย มาอ่าน ยอมรับครับว่าขนาดพื้นฐาน ถ้าจะอ่านจบเล่ม สมองต้องแตกแน่ๆ เลยไม่อ่านเพราะไม่รู้จะทรมานตัวเองไปทำไม ถ้าใครสนใจเรื่องนี้จริงๆ ผมให้ยืมอ่านครับ
ผมมีคำถามมาให้คิดเล่นๆ 2 ข้อ ครับ เผื่อมีคนชอบ
1. สมมติว่าโลกและดวงจันทร์ลอยนิ่งๆ มีคนยืนบนโลกยื่นแท่งไม้คาร์บอนไปให้คนบนดวงจันทร์จับ สายตาดีทั้งคู่ ต่างมองเห็นกัน ถ้าคนบนโลกกระชากไม้เพื่อดึงคนบนดวงจันทร์
ถามว่า คนบนดวงจันทร์จะรู้สึกอย่างไร
ก. เห็นคนบนโลกกระชากไม้ ก่อน รู้สึกว่าไม้โดนกระชาก
ข. เห็นคนบนโลกกระชากไม้ พร้อมกับ รู้สึกว่าไม้โดนกระชาก
ค. เห็นคนบนโลกกระชากไม้ หลัง รู้สึกว่าไม้โดนกระชาก
คำตอบ ผมไม่รู้
2. มีวัตถุ 2 ก้อน โคจรรอบกัน โดยที่มีแรงเหวี่ยงเป็นแรงลัพธ์แต่ถูกผูกกันไว้ด้วยเชือกเส้นหนึ่ง(หมายถึงถ้าเชือกขาด ก็จะเหวี่ยงจากกันไป) มีระยะห่างระหว่างวัตถุเท่ากันเวลาเดินทางของแสง 2 วินาที
ถามว่าถ้าเราตัดเชือกขาดทันทีจะเิกิดอะไรขึ้น
ก. วัตถุหนีจากกันทันทีที่เชือกขาด
ข. หลังเชือกขาด 1 วินาที วัตถุถึงหนีจากกัน
คำตอบ ผมก็ไม่รู้อีก
ใครมีคำตอบหรือแนวคิดคำคอบก็ช่วยทีครับ ขอบคุณ
quixote
10-02-14, 09:11 AM
ไปๆมาๆ เริ่มมีเรื่อง general relativity ของไอน์สไตน์เข้ามาเกี่ยวข้องเสียแล้ว ฮ่าๆๆๆ
relativity theory อธิบายธรรมชาติภายใต้ความเร็วและแรงโน้มถ่วงสูงๆ
Quantum อธิบายธรรมชาติที่มีขนาดเล็กๆ
Relativity ทำลายความสัมบูรณ์ของ Classical Physics ของ Newton เรื่อง Absolute time and Absolute Space โดยแทนด้วย Absolute spacetime ใน special relativity
Quantum หักล้างกับ Relativity โดย Uncertainty Principal ของไฮน์เซนเบิร์ก ตรงเราไม่สามารถรู้ ตำแหน่งและความเร็วที่แน่นอนของอนุภาคได้ เนื่องจากการสังเกตุจะไป contaminate ข้อมูล
และยังมี String Theory ที่มาอธิบายต่อ เรื่อง Multiverse อีก
ล่าสุด CERN มีหลักฐานการค้นพบ Higgs Boson อนุภาคที่เชื่อกันว่าอธิบายว่า มวลคืออะไร ทำไมวัตถุบางอย่างเคลื่อนผ่านอวกาศได้ยากง่ายต่างกัน ซึ่งก็คือมวลนั่นเอง
ผมอ่านไปๆมาๆ ส่วนใหญ่แล้วสรุปรวมลงในธรรมได้ทั้งนั้นเลย จบที่ผมกลับมานั่งอ่านพระไตรปิฎก
ผมมีคำถามมาให้คิดเล่นๆ 2 ข้อ ครับ เผื่อมีคนชอบ
1. สมมติว่าโลกและดวงจันทร์ลอยนิ่งๆ มีคนยืนบนโลกยื่นแท่งไม้คาร์บอนไปให้คนบนดวงจันทร์จับ สายตาดีทั้งคู่ ต่างมองเห็นกัน ถ้าคนบนโลกกระชากไม้เพื่อดึงคนบนดวงจันทร์
ถามว่า คนบนดวงจันทร์จะรู้สึกอย่างไร
ก. เห็นคนบนโลกกระชากไม้ ก่อน รู้สึกว่าไม้โดนกระชาก
ข. เห็นคนบนโลกกระชากไม้ พร้อมกับ รู้สึกว่าไม้โดนกระชาก
ค. เห็นคนบนโลกกระชากไม้ หลัง รู้สึกว่าไม้โดนกระชาก
คำตอบ ผมไม่รู้
2. มีวัตถุ 2 ก้อน โคจรรอบกัน โดยที่มีแรงเหวี่ยงเป็นแรงลัพธ์แต่ถูกผูกกันไว้ด้วยเชือกเส้นหนึ่ง(หมายถึงถ้าเชือกขาด ก็จะเหวี่ยงจากกันไป) มีระยะห่างระหว่างวัตถุเท่ากันเวลาเดินทางของแสง 2 วินาที
ถามว่าถ้าเราตัดเชือกขาดทันทีจะเิกิดอะไรขึ้น
ก. วัตถุหนีจากกันทันทีที่เชือกขาด
ข. หลังเชือกขาด 1 วินาที วัตถุถึงหนีจากกัน
คำตอบ ผมก็ไม่รู้อีก
ใครมีคำตอบหรือแนวคิดคำคอบก็ช่วยทีครับ ขอบคุณ
:eek::love: ขอตอบแบบสมัยเรียนที่ไม่สามารถทำข้อสอบอัตตนัยโคตรยากของอาจารย์ได้นะครับ ทำแบบนี้โดนเรียกไปคุยเดี่ยวประจำ หาว่ากวนประสาทแต่ก็ก็ได้คะแนนทุกที :D:D
1.คงตอบว่าไม่รู้ ดวงจันทน์ห่างจากโลกเท่ากับ 384,403,000 เมตร และคงไม่มีไม้แท่งที่ยาวขนาด 384,403,000 เมตรที่มนุษย์จะถือหรือกระชากได้ มันต้องหนักมากๆเลยนะนี่ :D
2.คงตอบว่าไม่รู้อีกเหมือนกัน เพราะแสงเดินทาง 2 วินาที ผมว่าเป็นระยะทางมันยาวมากเลยนะ 1 วินาทีมันตั้ง 299,792,458 เมตรแน่ะ 2วิมันก็ 599,584,916 เมตร มันต้องเป็นเชือกที่ยาวมากๆกว่าจะผูกเสร็จ กว่าจะได้ตัดผมว่ามันต้องใช้ความพยายามมากเลยนะ :p
sophon999
10-02-14, 06:12 PM
ผมมีคำถามมาให้คิดเล่นๆ 2 ข้อ ครับ เผื่อมีคนชอบ
1. สมมติว่าโลกและดวงจันทร์ลอยนิ่งๆ มีคนยืนบนโลกยื่นแท่งไม้คาร์บอนไปให้คนบนดวงจันทร์จับ สายตาดีทั้งคู่ ต่างมองเห็นกัน ถ้าคนบนโลกกระชากไม้เพื่อดึงคนบนดวงจันทร์
ถามว่า คนบนดวงจันทร์จะรู้สึกอย่างไร
ก. เห็นคนบนโลกกระชากไม้ ก่อน รู้สึกว่าไม้โดนกระชาก
ข. เห็นคนบนโลกกระชากไม้ พร้อมกับ รู้สึกว่าไม้โดนกระชาก
ค. เห็นคนบนโลกกระชากไม้ หลัง รู้สึกว่าไม้โดนกระชาก
คำตอบ ผมไม่รู้
2. มีวัตถุ 2 ก้อน โคจรรอบกัน โดยที่มีแรงเหวี่ยงเป็นแรงลัพธ์แต่ถูกผูกกันไว้ด้วยเชือกเส้นหนึ่ง(หมายถึงถ้าเชือกขาด ก็จะเหวี่ยงจากกันไป) มีระยะห่างระหว่างวัตถุเท่ากันเวลาเดินทางของแสง 2 วินาที
ถามว่าถ้าเราตัดเชือกขาดทันทีจะเิกิดอะไรขึ้น
ก. วัตถุหนีจากกันทันทีที่เชือกขาด
ข. หลังเชือกขาด 1 วินาที วัตถุถึงหนีจากกัน
คำตอบ ผมก็ไม่รู้อีก
ใครมีคำตอบหรือแนวคิดคำคอบก็ช่วยทีครับ ขอบคุณ
ข้อ1น่าจะเป็น ค. ครับ เพราะภาพดาวที่เราเห็นมันมาจากแสงของดาวดวงนั้น ซึ่งก็ต้องอาศัยเวลาเดินทาง ดังนั้นภาพที่เรามองเห็นจึงเป็นภาพอดีตของดาวดวงนั้น ส่วนจะกินระยะเวลานานขนาดไหนก็ขึ้นอยู่กับระยะทางที่แสงเดินทางมา
quixote
11-02-14, 08:23 AM
ผมมีคำถามมาให้คิดเล่นๆ 2 ข้อ ครับ เผื่อมีคนชอบ
1. สมมติว่าโลกและดวงจันทร์ลอยนิ่งๆ มีคนยืนบนโลกยื่นแท่งไม้คาร์บอนไปให้คนบนดวงจันทร์จับ สายตาดีทั้งคู่ ต่างมองเห็นกัน ถ้าคนบนโลกกระชากไม้เพื่อดึงคนบนดวงจันทร์
ถามว่า คนบนดวงจันทร์จะรู้สึกอย่างไร
ก. เห็นคนบนโลกกระชากไม้ ก่อน รู้สึกว่าไม้โดนกระชาก
ข. เห็นคนบนโลกกระชากไม้ พร้อมกับ รู้สึกว่าไม้โดนกระชาก
ค. เห็นคนบนโลกกระชากไม้ หลัง รู้สึกว่าไม้โดนกระชาก
คำตอบ ผมไม่รู้
2. มีวัตถุ 2 ก้อน โคจรรอบกัน โดยที่มีแรงเหวี่ยงเป็นแรงลัพธ์แต่ถูกผูกกันไว้ด้วยเชือกเส้นหนึ่ง(หมายถึงถ้าเชือกขาด ก็จะเหวี่ยงจากกันไป) มีระยะห่างระหว่างวัตถุเท่ากันเวลาเดินทางของแสง 2 วินาที
ถามว่าถ้าเราตัดเชือกขาดทันทีจะเิกิดอะไรขึ้น
ก. วัตถุหนีจากกันทันทีที่เชือกขาด
ข. หลังเชือกขาด 1 วินาที วัตถุถึงหนีจากกัน
คำตอบ ผมก็ไม่รู้อีก
ใครมีคำตอบหรือแนวคิดคำคอบก็ช่วยทีครับ ขอบคุณ
หลังจากคิดแล้วตรวจทานความคิดอีกหลายรอบขอตอบดังนี้
ต้องตั้งสมมติฐานก่อนนะครับว่า ไม้และเชือก เป็น Rigid Body หมายความว่า วัตถุไม่ครากไม่ยืดหดเนื่องจากแรงส่งผ่านโครงสร้างของวัตถุ
ข้อ 1 คำตอบคือ รู้สึกว่าไม้โดนกระชากแล้ว ค่อยมองเห็นคนบนโลกดึงเนื่องจากแสงใช้เวลาในการเดินทางมาสู่ตาของคนบนดวงจันทร์ แต่การส่งผ่านแรงดึงส่งผ่านโครงสร้างของไม้ที่เป็น Rigid body
เรื่องนี้ถ้าพิจารณาดีๆผ่าน General Relativity Theroy จะมีความแปลกออกไปอีกคือ แรงโน้มถ่วงที่จะมีผลต่อ Spacetime คือแรงโน้มถ่วงมาก ระยะทางจะสั้นลง เวลาจะเดินช้าลง
ดังนั้นถ้าเราอยู่บนดวงจันทร์ 1 เมตรบนผิวดวงจันทร์จะสั้นกว่า 1 เมตร ที่จุดกลางไม้ แต่ยาวกว่า 1 เมตร ที่บนผิวโลก แต่
1 วินาที บนผิวดวงจันทร์ จะช้ากว่า 1 วินาทีที่จุดกลางไม้ แต่เร็วกว่า 1 วินาทีบนโลก
สรุป การบิดเบี้ยวของอวกาศและเวลาเนื่องจากแรงโน้มถ่วงจะหักล้างกันพอดีที่จะทำให้ Rigid body เคลื่อนที่ด้วยความเร็วเท่ากันทั้งหมดเมื่อถูกดึง ไม่เช่นนั้นก็จะเกิดการแตกหักจากการบิดเบี้ยวของ Spacetime
ข้อ 2 วัตถุเคลื่อนทีเป็นวงกลม จะเกิดแรงเนื่องจากความเร่ง วัตถุสองก้อนถูกยึดให้ติดกันด้วยเชือกซึ่งเป็น Rigid body ทำหน้าที่ส่งถ่ายแรงที่เกิดจากความเร่ง เมื่อเชือกขาดวัตถุจะหนีออกจากกันทันทีโดยไปตามเส้นสัมผัสวงกลม ณ ตำแหน่งที่อยู่เมื่อเชือกขาด
แรงเหล่านี้เป็นคนละอย่างกับแรงโน้มถ่วงซึ่งส่งผ่าน Spacetime โดยการบิดเบี้ยวของ Spacetime.
ยกตัวอย่างมาจากหนังสือของ Brian Green ถ้าเรานั่งอยู่ในเรือบนโลกในวันพระจันทร์เต็มดวง ตอนนั้นน้ำจะขึ้นสูงสุด
แล้วเกิดมี Alien มาย้ายดวงจันทร์เราไปอยู่แกแลคซี่อื่นทันที จะเกิดอะไรขึ้น
น้ำลดก่อนแล้ว อีกสองวินาที เราค่อยมองไม่เห็นดวงจันทร์ หรือ
น้ำลดไปพร้อมกับที่เราเห็นว่าดวงจันทร์หายไป
คำตอบคือ อัตราการเปลี่ยนแปลงใน spacetime curverture จะมีความเร็วเท่าแสง ดังนั้น เราจะเห็นน้ำลดไปพร้อมๆกับดวงจันทร์ที่หายไป ซึ่งเป็นการลบล้าง Newton ที่คิดว่าแรงโน้มถ่วงเป็นการส่งแรงผ่านสนามแรงโน้มถ่วงที่จะมีผลทันทีทันใด ไม่ขึ้นกับระยะทาง
conan1249
04-03-14, 10:09 PM
ถ้าแบบหลักการของพุทธเรานั้นโลกคู่ขนานมีมาตั้งนานแล้ว ตั้งแต่พระพุทธเจ้าท่านตรัสรู้ ท่านก็รู้แจ้งไปหมดทุกๆสิงอย่าง แต่ว่าน้อยคนจะได้พิสูจน์
ฝรั่งใช้หลักการที่ทำไห้เห็นภาพมาแสดงทำไห้คนเข้าใจง่ายๆ แต่พุทธเราต้องมานั่งวิปัสณาขั้นสูงครับ ถึงจะมองเห็น แต่ก็ยากมากๆ จนกลายเป็นเรื่องขี้โม้ไปเสีย
แต่ก็มีไห้เห็นอยู่เนื่องๆ จากพระดังๆ เรื่องสวรรค์ หรือนรก ทางพุทธเราเชื่อว่ามีจริงๆ แต่ก็มีน้อยคนที่พิสูจน์ได้ ฝรังมันก็ไม่ค่อยเชื่อ เรื่องตายแล้วเราจะไปอยู่อีกโลกนึงนั้นก็เช่นกัน
เรื่องสองมิติของฝรั่งก็เช่นกัน สำหรับเรามันก็ขี้โม้สุดๆ เช่นที่เคยมีเรื่องเล่าว่าหญิงชาวลอนดอนท่านนึง เคยเดินทะลุไปอีกมิตินึงได้ แต่ไม่ได้ไปในโลกอนาคตนะ มันฮาตรงที่เดิน
กลับไปในอดิท ย้อนกลับไปมื่อ200 กว่าปีมาแล้ว (ว่าไปนั้นบ้านเราคงว่าบ้า)
เธอเล่าว่า ได้เดินเข้าไปซื้อเสื้อผ้าร้านที่เธอเคยซื้อประจำ แต่วันนี้ เธอเข้าไปร้านเดิม แต่พนักงานขายกับแต่งตัวโบราณแล้วร้านก็มีของเก่า มากๆ แล้วก็คุยกับเธอไม่ค่อยรู้เรื่อง เธอเจอผ้าชิ้นนึงสวยมากๆ
เธอเลยขอซื้อ พร้อมทั้งถามราคา เมื่อตกลงราคาได้เธอจ่ายเงิน แต่พนักงานไม่ขายไห้เธอเพราะ เขาไม่รู้จักเงินของเธอ พร้อมทั้งต่อว่าต่างๆนาๆ เธอจึงเดินออกจากร้านมาด้วยความ งงๆ
เมื่อเธอมาถึงบ้านเธอก็ได้เล่าเรื่องนี้ไห้ญาติเธอฟัง ทั้งสองจึงกลับมาที่ร้านนี้อีกครั้ง แต่ก็ไม่เจอพนักงานคนนั้น ของโบราณเก่าๆก็ไม่เจอ เจอแต่ของใหม่ๆ สมัยใหม่ (ว่าไปนั้น) เป็นบ้านเราคงว่าบ้า
รึไม่ก็คงกินยาผิดขวดแน่ๆ:rolleyes::rolleyes:
พุทธเราก็มีครับ เคยมีคนที่ตายไปแล้วกลับมาเล่าไห้เราฟังก็มีอยู่ เช่นบนสวรรค์ เทวดา นางฟ้าเดินกันเร็วมากๆ ล็อตตารี่บนสวรรค์ก็มีไห้เล่นด้วย น่าสนใจตรงที่ เขาจะออกก่อนโลกมนุษย์ 15 วัน
จึงได้มีการออกกฏหมายบนสวรรค์ ห้ามญาติ มาเข้าฝันหรือมาบอกญาติที่อยู่บนโลกมนุษย์ด้วย (แต่สามารถบอกใบ้ได้ ( ว่าไปนั้น) แต่ก็มีญาติบางคนแอบบมาบอกจนกลายเป็นเลขลูกหลานคนที่
ตัวเองรัก ยอมผิดกฏสวรรค์
แต่ไม่รู้กฏสวรรค์มันแรงขนาดใหน อิอิ ซึ้งเรื่องพระผู้ใหญ่ในไทยหลายองค์ก็ยอมรับว่ามีครับ
ส่วตัวผมนั้น เรื่องโลกคู่ขนานนนั้นผมว่าไม่น่ามี แต่อีกมิตินึงนั้น เป็นไปได้ครับมากๆครับ เพราะตามที่ฝรั่งบางคนเขียนใว้ผมก็ฮา มากๆ ที่บอกว่ามีโลกคู่ขนาน มีเราอยู่อีกที่นึง ในเวลาเดียวกันนั้น
มันเป็นไปไม่ได้หรอก คือคนหลายๆคนทำอะไรเหมือนกันได้ แต่จะบอกว่าอีกโลกนึงตอนนี้มีผมกำนั่งพิมย์อยู่หน้าเวปเหมือนกันคงยากที่จะเชื่อครับ หรือมีเวปธนูของเราอยู่อีกโลกนึงนั้น ไม่น่าจะใช่
แต่ถ้าบอกว่าเราตายแล้วไปอยู่ตรงนั้น ตรงนี้ เวียนว่าย ไปในเอกภพแบบนี้พอฟังขึ้นหน่อย
นานาจิตตังครับ จริงไม่จริงก็เป็นความเชื่อส่วนบุลคน
Powered by vBulletin® Version 4.2.3 Copyright © 2025 vBulletin Solutions, Inc. All rights reserved.