View Full Version : มันเป็นกันทั้งโลกนาฮะ...
thaPixie
24-09-11, 02:57 AM
http://www.youtube.com/watch?v=zDZFcDGpL4U&feature=feedf
เจ๋งดีนะครับ :) ฟังไม่รู้เรื่องก็ยังดูภาพเอาเพลินๆได้ (แต่คนบรรยายก็พูดเร๊วเร็ว... บางทีก็เลิกฟัง อ่านเอาแทน:p)
ปล. ดูแล้วอย่าเอาแต่พูดว่าประเทศไทยนะครับ อยากให้เป็นยังไง ลุกขึ้นทำเลยครับ ;)
darkmoment
24-09-11, 06:33 PM
เยี่ยมครับ! ชัดเจนมาก ผมเห็นด้วยกับที่เค้าพูดถึงในอนิเมชั่นนี้นะครับ
อยากให้เป็นยังไง ลุกขึ้นทำเลยครับ ;)
คอกใครคอกมันนะคร้าบ . . . . :)
ผมฟังไม่ออก.. แต่คล้ายๆ ว่าจะเข้าใจ :p..แปลกดี
ก็เคยเห็น เคยฟัง เรื่องทำนองนี้มานานแล้วนะ
ในระบบเศรฐกิจ-สังคม แบบนี้.. การลอยคอตามน้ำ
ง่ายกว่าการว่ายทวนกระแสมากมาย ..ไม่งั้นก็ขึ้นฝั่ง ;)
ใครไม่แข็งแรงพอที่ลอยคอพ้นน้ำได้ ก็เป็นเหยื่อไปตามธรรมชาติ
ก็โทษชะตากรรม ว่าทำบุญมาไม่ดี
ปล. ผมคิดเฉยๆ ไม่เกี่ยวกะข้างบนเท่าไหร่ :p
pronthep
26-09-11, 11:24 AM
ผมเข้าใจแค่เรื่อง ให้การศึกษาเด็ก ที่เน้นไปที่ใบปริญญามากเกิน จบมาแล้วก็ไม่มีงานทำอยู่ดี ที่เหลือดูงงๆ ครับ :D
thaPixie
27-09-11, 02:58 AM
ความรวมๆเขาเอ่ยถึงเรื่องของการปฎิรูปการศึกษาครับ
เขาบอกประมาณว่าการศึกษาที่ใช้กันส่วนมากในปัจจุบันมันเริ่มไม่เหมาะสมกับยุคสมัยแล้ว เพราะว่าการวางระบบการศึกษา(แบบที่ใช้กันตอนนี้)ทำกันตอนยุกคปฎิวัติอุตสาหกรรม มันอาจจะเหมาะกับยุคสมัยนั้น แต่ไม่ใช่ตอนนี้
แล้วเขาก็ยกตัวอย่างความเปลี่ยนแปลงที่ทำให้การศึกษาแบบที่เราใช้กันเริ่มไม่ได้ผล เช่น เด็กสมัยนี้ถูกกระตุ้นเร้าด้วยสื่อต่างๆมากมายทั้งเกมทั้งหนังทั้งการสื่อสารแบบพหุสื่อ ทำให้การตื่นตัวในการรับรู้มันมีมากกว่าเด็กสมัยก่อน(คือรุ่นพ่อรุ่นแม่) ดังนั้นวิธีการสอนรวมไปถึงสื่อการสอนแบบที่เราใช้ๆกันตอนนี้เลยดูน่าเบื่อสำหรับเด็ก (ผู้บรรยายไม่ได้บอกว่าเกมหรือสื่อต่างๆมันเป็นปีศาจร้ายแทะสมองเด็กนะครับ เขาเห็นว่ามันเป็นวิถีของปัจจุบัน การบอกว่าเกมหรือเทคโนโลยีการสื่อสารคือปีศาจก็เหมือนเราบอกว่ามีดคือสิ่งอัปมงคลเพราะมันแทงกันตายได้... อันนั้นคือมองไปด้านเดียวนาฮะ...) แล้วเค้าก็บอกประมาณว่า(ที่ใช้คำว่าประมาณว่าเพราะผมก็ฟังไม่ค่อยจะทันเหมือนกัน:p) การเอาเด็กที่ถูกกระตุ้นเร้าจนเกิดอาการ ADHD (Attention deficit hyperactivity disorder) หรือที่คนไทยเรียกว่า เด็กสมาธิสั้น หรือเด็กไฮเปอร์ ไปรักษาโดยการใช้ยากดมันไม่ค่อยจะถูกต้องในทัศนะของเขา เขาว่าแทนที่จะกดมันไว้ เราปรับระบบการเรียนรู้ของการศึกษาดีกว่า
ท้ายๆเขาบอกว่า การสอนที่ทำๆกันอยู่(มาช้านาน) ทำให้เด็กไม่มีสิ่งที่เรียกว่า Divergent thinking ซึ่งเป็นรากฐานของความคิดสร้างสรร Divergent thinking ก็คือกระบวนวิธีคิดที่ดิ้นได้ คือกระบวนวิธีคิดที่ความเป็นไปได้ของคำตอบมีมากกว่าหนึ่งทาง เขายกตัวอย่างเช่น ถ้าถามคนธรรมดาว่า คลิบหนีบกระดาษทำอะไรได้บ้าง ปรกติจะคิดออก 10-15 อย่าง เช่นเอาไปตกปลา เอาไปเกาหลัง ถ้าเป็นคนฉลาดๆอาจจะได้ราวๆ 200 คำตอบ รวมไปถึงคำตอบที่ไม่ได้อยู่บนพื้นฐานของแนวคิดทั่วๆไป(คืออาจจะมีการประยุกต์หรือมองข้ามไปสามสี่ชอต) ทีนี้สาเหตุที่การศึกษาสมัยนี้ทำให้ Divergent thinking ลดลงเขาก็ยกตัวอย่างเรื่องการทำแบบทดสอบในวิชาเรียน ที่จะมีคำตอบมาอยู่แล้วในเฉลยท้ายเล่ม ซึ่งคำตอบนั้นก็มาจากความคิดของคนพวกนึง(คือคนออกแบบข้อสอบ) ซึ่งมันอาจจะมีวิธีคิดในแบบอื่นๆที่ให้ทางออกอื่นๆอีกก็ได้ อีกทั้งการทำแบบทดสอบในโรงเรียน ยังห้ามลอกกัน ห้ามถามกัน ทำให้การแลกเปลี่ยนทัศนะ หรือกระบวนทัศน์ขาดหายไป หากแต่ในชีวิตจริงเราต้องอาศัยการปรึกษาและแลกเปลี่ยนวิธีคิดกันตลอดเวลาเพื่อหาทางบรรลุเป้าหมายหรือแก้ปัญหาที่เผชิญอยู่ ดังนั้นการศึกษาที่ใช้กันมาจนวันนี้ทำให้เด็กคิดไม่เป็น แถมยังไม่รู้จักการทำงานร่วมกัน ช่วยกันแก้ปัญหาอีกด้วย...
จริงๆรายละเอียดมันเยอะกว่านี้อ่ะครับ ทั้งฟังไม่ทัน และบางเรื่องภูมิที่มีก็ไปไม่ถึงด้วยครับ :D:D:D:p
thaPixie
27-09-11, 04:09 AM
http://www.youtube.com/watch?v=iG9CE55wbtY&feature=player_embedded#!
เรื่องวิธีการจัดการกับเด็กที่สมาธิสั้นนั้น ท่านเซอร์เค็นประสบกับลูกของท่านเซอร์เองครับ นาทีที่ 15.09 น่าฟังมาก เล่าคร่าวๆให้ฟังว่า
ตอนลูกของท่านเซอร์ยังเด็ก ทางรร.ได้แจ้งมาทางบ้านถึงพฤติกรรมที่เป็นปัญหาของลูก ที่มักจะอยู่ไม่สุขหรือรบกวนการทำงานของเพื่อนๆในชั้น ภรรยาของท่านเซอร์จึงพาลูกไปหาผู้เชี่ยวชาญ ในขณะที่แม่กำลังคุยกับผู้เชี่ยวชาญเรื่องพฤติกรรมของลูกนั้น ผู้เชี่ยวชาญก็สังเกตุพบอะไรบางอย่าง จึงออกอุบายว่าเดี๋ยวจะต้องมีเรื่องคุยกับคุณแม่สองคน หนูนั่งรอที่นี่ก่อนนะ และก่อนจะพาภรรยาท่านเซอร์เดินออกจากห้องไปผู้เชี่ยวชาญท่านนั้นก็ได้เปิดวิทยุบนโต๊ะทิ้งไว้ เมื่อออกมากันนอกห้องแล้วผู้เชี่ยวชาญก็ยืนมองดูลูกของท่านเซอร์พักหนึ่งแล้วบอกว่า คุณแม่... ลูกของคุณแม่ไม่ได้ป่วยนะ เค้าเป็นนักเต้นต่างหาก ลองพาไปเรียนเต้นดูดีไหม แล้วก็ให้ภรรยาท่านเซอร์ดูลูกในห้องขยับเท้าตามจังหวะดนตรี... หลังจากนั้นครอบครัวท่านเซอร์ก็ส่งลูกเข้าเรียนรร.สอนการแสดง และประสบความสำเร็จในการเรียน ตลอดจนประสบความสำเร็จในชีวิตนักเต้นอย่างมาก เป็นผู้มีชื่อเสียงในวงการบัลเล่ต์ไปทั่วโลก... ท่านเซอร์บอกว่า จะเป็นอย่างไรกับเด็กคนอื่นๆที่ถ้าไปหาทางรักษา แล้วจบลงที่หมอพูดว่า เอาล่ะ หมออยากให้เธอสงบลงได้นะ...:)
ผมก็สมาธิสั้นนะ ถ้าให้ทำอะไรที่ไม่ชอบ . . .
มันจะเอาสูตรสำเร็จสูตรเดียว มาตัดสินคนทั้งโลกบ่ได้ดอก . . .
ยังเห็นข้อสอบทำนอง อะไรคือขั้นตอนสำคัญที่สุดของการซักผ้า . . . อยู่เลย
เห็นมาตั้งแต่เด็ก แล้วก็รู้สึกมาตั้งแต่เด็ก รู้สึกปวดต่อม
:D
Powered by vBulletin® Version 4.2.3 Copyright © 2025 vBulletin Solutions, Inc. All rights reserved.