Drunken_Writer
27-11-11, 05:27 PM
http://a3.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc6/76731_10150090865886844_733516843_7273566_7524165_n.jpg
ภาพประกอบ การแข่งยิงธนูครั้งแรกในชีวิต....ที่สนามอาเชอร์รี่ไทย
ป่าวิธ...ที่เคารพรัก ท่านประธานแห่ง สยามสามดี เคยเอ่ยลอยๆให้ได้ยินว่า...
..ผู้ชายที่....แก่แล้ว....จะ "กินของขม ชมเด็กสาว เล่าความหลัง หนังตาเหี่ยว เยี่ยวรดขา"
..พร้อมกับพูดต่อไปว่า.....ไอ้แย้ป มึงไม่ต้องมองกู ยังเว้ย ยังไม่แก่เว้ยยยยย
จำได้รางๆว่า....เหตุการณ์นี้เกิดตอนค่ำๆวันนึง ที่สนามอาเชอร์รี่ไทย ก่อนจะร้างราวงการยิงธนูไปอยู่ในแดนไกล จนแทบไม่ได้ยิง..
.ในช่วงเวลาที่ พี่ๆน้องๆ ชาว TOAC อยู่รวมตัวผสมผสานกันอย่างลงตัวเหมาะเจาะ แม้องค์ประกอบจะเยอะแยะจากปริมาณผู้คนมากมายทุกเพศทุกวัยหลากหลายอาชีพ แต่....มีใจรักการยิงธนูเหมือนๆกัน...จนเกิดเป็นความผูกพันมากกว่าคนรู้จักกันเฉยๆ
มิตรภาพที่คนที่มาก่อนมอบให้ผู้มาใหม่.......ไมตรีที่ผู้มาใหม่หยิบยื่นให้กับผู้ที่อยู่เดิม ถูกส่งต่อกันไปมาจากรุ่นสู่รุ่น จากใจสู่ใจ....จนพี่นู๋เลเรียกสถานที่แห่งนี้ว่า...."โอเอซิส ทาง สังคม" โดยเฉพาะในสังคมเมืองกรุงเทพเทวาแห่งนี้
รอยยิ้มและเสียงหัวเราะไม่เคยจางหายไปจากชมรมเล็กๆแห่งนี้ โดยเฉพาะ บนแนวเส้นยิง
ครูต้น...เคยบอกไว้ว่า ยิงธนู ถ้ายิงไม่ไม่สนุก ไม่แฮปปี้ ก็อย่ายิง.....มันไม่มีความสุข มันเป็นเช่นนั้นจริงๆที่สนามธนูเอกชนเล็กๆแห่งนี้
แนวเส้นยิงนอกจากจะมีความมุ่งมั่นของแต่ละคนที่จะพยายามก้าวข้ามขีดจำกัดในการเล่นกีฬาที่เต็มไปด้วยรายละเอียดมากมายโดยเฉพาะทางด้านอารมณ์แล้ว....ยังมีความสุขปริมาณมหาศาล ที่ถูกถ่ายทอดจากคนนึงสู่คนนึง จากกลุ่มนึงสู่กลุ่มนึง
หากแต่....เมื่อผม...ถือ"น้องชบา" คันธนูสีแดงแจ๋แหวคู่ใจ ลงไปยืนอยู่บนเส้นยิง....จับลูกธนูเล่มน้อยแต่ราคาไม่น้อยตาม ลงพาดบนเรส........ค่อยๆออกแรงกดท้ายลูกจนน็อกเข้ายึดกับสายธนูดังกึก
จัดระเบียบน้ิวมือขวาให้แนบไปกับแผ่นรองนิ้วเก่าคร่ำคร่า เหนี่ยวสายธนูเบาๆแล้ว......ยกคันธนูพร้อมสูดหายใจเข้าไปเต็มปอด..
...ลมหายใจขับไล่สรรพสิ่งที่อยุ่รอบตัว ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น หรือว่า......เกิดขึ้นมาแล้วและกำลังรบกวนจิตใจ ทั้งส่วนตื้นและส่วนลึก
ซ้ายยกคันธนูให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม สายตาเพ่งตรงผ่านศูนย์เล็งเล็กจ้อย ไปยังเป้าหมายสีเหลืองกลมเล็กที่อยู่ห่างออกไประยะ 20 หลา..........
จุดกลมสีส้มสว่างจากสายไฟเบอร์ออฟติค กวัดแกว่งไปมาอยู่รอบๆ วงกลมสีเหลืองที่ต้องการอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลง
มือขวาเข้าแนบแนวกรามอย่างที่ครูต้นสอนให้เรียกว่าเข้าแองเคอร์ ซ้ายค่อยๆทำงานอย่างเข้มแข็งด้วยการดันด้วยร่องสันมืออย่างนิ่มนวลแต่แข็งแกร่ง
เมื่อจุดส้มเริ่มขยับวนช้าลงขวาก็เริ่มทำงานสอดประสานด้วยการดึงช้าด้วยกล้ามเนื้อหลังแถวสะบัก ที่เรียกว่า แบ็คเทนชั่น สายตาเหลือบมองหัวลูกที่ถูกกดเอาไว้ด้วยคลิกเกอร์ อุปรณ์วัดระยะนรก
ลมหายใจค่อยๆผ่อนออกช้าๆ เนิบๆ
ซ้ายดันขวาดึงช้าๆ เนิบๆ ปลายหัวลูกธนู ค่อยๆ ถอยหลังมาช้าๆ คลิกเกอร์เริ่มไหลลงสู้แนวโค้งของปลายลูกธนู ทีละน้อย ทีละน้อย
เสี้ยวมิลลิเมตรแห่งพลังจะอยู่หรือจะไป จะปล่อยลูกหรือลดคันธนูลงเพื่อเริ่มต้นอีกครั้ง กล้ามเนื้อหลังยังคงทำงานอย่างต่อเนื่องเนิบช้า
คลิ๊ก!!! ปลายคลิ๊กเกอร์ หลุดจากลายลูกธนูฟาดไปบนเพลทชั่วเสี้ยววินาทีเดียวกับลมหายใจที่หมดลง.............กล้ามเนื้อและประสาทอัตโนมัติสั่งการให้ปลายนิ้วที่เหนี่ยวสายไว้ ปล่อยสายธนูที่เครียดขมึงเกร็ง ให้เป็นอิสระ
พลังงานที่ถูกสะสมไว้บนปีกคันธนูและสาย ถูกส่งต่อไปยังลูกธนู เป็นต้นกำเนิดกำลังและความเร็วในระดับแรงดึง 40 ปอนด์ ส่งให้ลูกธนูพุ่งผ่านหน้าต่างคันออกไปอย่างรวดเร็วเกินกว่าสายตาจะมองได้ทัน...แต่สามารถสัมผัสได้จากความรู้สึกแล้วหัวใจที่จดจ่ออยู่กับการปล่อยลูกธนู
ปั๊ก!!! เสียงลูกธนูปักไปบนเป้า สายตามองตามด้วยความหวังแต่จิตใจกลับว่างเปล่า.......จะเข้าตรงไหน คะแนนเท่าไหร่ วินาทีนั้นกลับไม่ได้ให้ความสำคัญ........
รู้สึกเพียงว่า
"ดีใจจัง ยังอยู่บนแบ็ค ถ้าหลุดไปโดนต้นตีนตุ๊กแกตรงกำแพงข้างหลังแบ็ค ยายฉ่วยต้องบ่นแน่เรยยยยย"
คราวนี้รอดตัวไป ลูกธนูยังอยู่ครบ สติสัมปชัญญะ กลับคืนมาพร้อมความรู้สึกว่า โดนจ้องมองจากรอบๆข้าง เพราะยิงเป็นคนสุดท้าย คนอื่นยิงเสร็จหมดแล้ว
มองซ้ายมองขวา มองหน้ามองหลัง หลบสายตาของพี่ๆน้องๆบนแนวเส้นยิงด้วยความขวยเขิน ปลดน้องชบาลงจากมือวางไปบน ขาตั้งพร้อมกับตะโกนไปด้วยความเคยชินว่า.................
"เก็บลูกกกกกกกกกก!!!!!!"
นี่แหล่ะ....!!! ความสุขเล็กๆน้อยๆ บนเส้นยิงของผม คิดถึง จริงๆๆนะ จะบอกให้
เอ๊ะ นี่เราเล่าความหลังรึนี่ หรือว่าเรา...จะแก่..
..ตาม......ใครสักคน.....ไปแล้ว :p
ใครนะเหรอครับ.....ไม่บอกนะ เรารู้กัน!!! :p
ภาพประกอบ การแข่งยิงธนูครั้งแรกในชีวิต....ที่สนามอาเชอร์รี่ไทย
ป่าวิธ...ที่เคารพรัก ท่านประธานแห่ง สยามสามดี เคยเอ่ยลอยๆให้ได้ยินว่า...
..ผู้ชายที่....แก่แล้ว....จะ "กินของขม ชมเด็กสาว เล่าความหลัง หนังตาเหี่ยว เยี่ยวรดขา"
..พร้อมกับพูดต่อไปว่า.....ไอ้แย้ป มึงไม่ต้องมองกู ยังเว้ย ยังไม่แก่เว้ยยยยย
จำได้รางๆว่า....เหตุการณ์นี้เกิดตอนค่ำๆวันนึง ที่สนามอาเชอร์รี่ไทย ก่อนจะร้างราวงการยิงธนูไปอยู่ในแดนไกล จนแทบไม่ได้ยิง..
.ในช่วงเวลาที่ พี่ๆน้องๆ ชาว TOAC อยู่รวมตัวผสมผสานกันอย่างลงตัวเหมาะเจาะ แม้องค์ประกอบจะเยอะแยะจากปริมาณผู้คนมากมายทุกเพศทุกวัยหลากหลายอาชีพ แต่....มีใจรักการยิงธนูเหมือนๆกัน...จนเกิดเป็นความผูกพันมากกว่าคนรู้จักกันเฉยๆ
มิตรภาพที่คนที่มาก่อนมอบให้ผู้มาใหม่.......ไมตรีที่ผู้มาใหม่หยิบยื่นให้กับผู้ที่อยู่เดิม ถูกส่งต่อกันไปมาจากรุ่นสู่รุ่น จากใจสู่ใจ....จนพี่นู๋เลเรียกสถานที่แห่งนี้ว่า...."โอเอซิส ทาง สังคม" โดยเฉพาะในสังคมเมืองกรุงเทพเทวาแห่งนี้
รอยยิ้มและเสียงหัวเราะไม่เคยจางหายไปจากชมรมเล็กๆแห่งนี้ โดยเฉพาะ บนแนวเส้นยิง
ครูต้น...เคยบอกไว้ว่า ยิงธนู ถ้ายิงไม่ไม่สนุก ไม่แฮปปี้ ก็อย่ายิง.....มันไม่มีความสุข มันเป็นเช่นนั้นจริงๆที่สนามธนูเอกชนเล็กๆแห่งนี้
แนวเส้นยิงนอกจากจะมีความมุ่งมั่นของแต่ละคนที่จะพยายามก้าวข้ามขีดจำกัดในการเล่นกีฬาที่เต็มไปด้วยรายละเอียดมากมายโดยเฉพาะทางด้านอารมณ์แล้ว....ยังมีความสุขปริมาณมหาศาล ที่ถูกถ่ายทอดจากคนนึงสู่คนนึง จากกลุ่มนึงสู่กลุ่มนึง
หากแต่....เมื่อผม...ถือ"น้องชบา" คันธนูสีแดงแจ๋แหวคู่ใจ ลงไปยืนอยู่บนเส้นยิง....จับลูกธนูเล่มน้อยแต่ราคาไม่น้อยตาม ลงพาดบนเรส........ค่อยๆออกแรงกดท้ายลูกจนน็อกเข้ายึดกับสายธนูดังกึก
จัดระเบียบน้ิวมือขวาให้แนบไปกับแผ่นรองนิ้วเก่าคร่ำคร่า เหนี่ยวสายธนูเบาๆแล้ว......ยกคันธนูพร้อมสูดหายใจเข้าไปเต็มปอด..
...ลมหายใจขับไล่สรรพสิ่งที่อยุ่รอบตัว ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น หรือว่า......เกิดขึ้นมาแล้วและกำลังรบกวนจิตใจ ทั้งส่วนตื้นและส่วนลึก
ซ้ายยกคันธนูให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม สายตาเพ่งตรงผ่านศูนย์เล็งเล็กจ้อย ไปยังเป้าหมายสีเหลืองกลมเล็กที่อยู่ห่างออกไประยะ 20 หลา..........
จุดกลมสีส้มสว่างจากสายไฟเบอร์ออฟติค กวัดแกว่งไปมาอยู่รอบๆ วงกลมสีเหลืองที่ต้องการอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลง
มือขวาเข้าแนบแนวกรามอย่างที่ครูต้นสอนให้เรียกว่าเข้าแองเคอร์ ซ้ายค่อยๆทำงานอย่างเข้มแข็งด้วยการดันด้วยร่องสันมืออย่างนิ่มนวลแต่แข็งแกร่ง
เมื่อจุดส้มเริ่มขยับวนช้าลงขวาก็เริ่มทำงานสอดประสานด้วยการดึงช้าด้วยกล้ามเนื้อหลังแถวสะบัก ที่เรียกว่า แบ็คเทนชั่น สายตาเหลือบมองหัวลูกที่ถูกกดเอาไว้ด้วยคลิกเกอร์ อุปรณ์วัดระยะนรก
ลมหายใจค่อยๆผ่อนออกช้าๆ เนิบๆ
ซ้ายดันขวาดึงช้าๆ เนิบๆ ปลายหัวลูกธนู ค่อยๆ ถอยหลังมาช้าๆ คลิกเกอร์เริ่มไหลลงสู้แนวโค้งของปลายลูกธนู ทีละน้อย ทีละน้อย
เสี้ยวมิลลิเมตรแห่งพลังจะอยู่หรือจะไป จะปล่อยลูกหรือลดคันธนูลงเพื่อเริ่มต้นอีกครั้ง กล้ามเนื้อหลังยังคงทำงานอย่างต่อเนื่องเนิบช้า
คลิ๊ก!!! ปลายคลิ๊กเกอร์ หลุดจากลายลูกธนูฟาดไปบนเพลทชั่วเสี้ยววินาทีเดียวกับลมหายใจที่หมดลง.............กล้ามเนื้อและประสาทอัตโนมัติสั่งการให้ปลายนิ้วที่เหนี่ยวสายไว้ ปล่อยสายธนูที่เครียดขมึงเกร็ง ให้เป็นอิสระ
พลังงานที่ถูกสะสมไว้บนปีกคันธนูและสาย ถูกส่งต่อไปยังลูกธนู เป็นต้นกำเนิดกำลังและความเร็วในระดับแรงดึง 40 ปอนด์ ส่งให้ลูกธนูพุ่งผ่านหน้าต่างคันออกไปอย่างรวดเร็วเกินกว่าสายตาจะมองได้ทัน...แต่สามารถสัมผัสได้จากความรู้สึกแล้วหัวใจที่จดจ่ออยู่กับการปล่อยลูกธนู
ปั๊ก!!! เสียงลูกธนูปักไปบนเป้า สายตามองตามด้วยความหวังแต่จิตใจกลับว่างเปล่า.......จะเข้าตรงไหน คะแนนเท่าไหร่ วินาทีนั้นกลับไม่ได้ให้ความสำคัญ........
รู้สึกเพียงว่า
"ดีใจจัง ยังอยู่บนแบ็ค ถ้าหลุดไปโดนต้นตีนตุ๊กแกตรงกำแพงข้างหลังแบ็ค ยายฉ่วยต้องบ่นแน่เรยยยยย"
คราวนี้รอดตัวไป ลูกธนูยังอยู่ครบ สติสัมปชัญญะ กลับคืนมาพร้อมความรู้สึกว่า โดนจ้องมองจากรอบๆข้าง เพราะยิงเป็นคนสุดท้าย คนอื่นยิงเสร็จหมดแล้ว
มองซ้ายมองขวา มองหน้ามองหลัง หลบสายตาของพี่ๆน้องๆบนแนวเส้นยิงด้วยความขวยเขิน ปลดน้องชบาลงจากมือวางไปบน ขาตั้งพร้อมกับตะโกนไปด้วยความเคยชินว่า.................
"เก็บลูกกกกกกกกกก!!!!!!"
นี่แหล่ะ....!!! ความสุขเล็กๆน้อยๆ บนเส้นยิงของผม คิดถึง จริงๆๆนะ จะบอกให้
เอ๊ะ นี่เราเล่าความหลังรึนี่ หรือว่าเรา...จะแก่..
..ตาม......ใครสักคน.....ไปแล้ว :p
ใครนะเหรอครับ.....ไม่บอกนะ เรารู้กัน!!! :p