Manganese
เช่นเดียวกับคารบอน แมงกานีสเป็นธาตุอัลลอยด์สำคัญที่เหล็กทุกเบอร์จะต้องมี สาเหตุสำคัญที่ต้องใส่แมงกานีสลงไปในเหล็กกล้าเพราะ
1. แมงกานีสเป็นธาตที่มีผลมากที่สุดในการเพิ่ม hardenability
คำว่า hardenability หมายถึงความเอื้อต่อการชุบแข็งให้สมบรูณ์ทั้งชิ้นงาน
ยกตัวอย่าง ในเหล็กกล้าบางประเภทที่ hardenability ต่ำ (เรียกว่า shallow hardener ส่วนพวกที่ hardenability สูงๆเรียก deep hardener )
เวลาเรา austenitizing แล้ว quench พื้นผิวชิ้นงานจะมีอัตราการเย็นตัวสูงกว่าเนื้อด้านใน
ถ้าเหล็กเบอร์นั้นต้องการอัตราการเย็นตัวที่เร็วมาก เนื้อด้านในที่คายความร้อนช้ากว่าอาจไม่แข็ง(ไม่เกิด martensite เพราะคารบอนแยกตัวออกมาจากโมเลกุลของเหล็กเนื่องจากอัตราการเย็นตัวไม่เรวพอ กลับเป็น pearlite)
ทำให้งานชิ้นนั้นๆมีความแข็งที่ไม่สม่ำเสมอ ตัวอย่างเช่นเหล็กแผ่นหนา 1cm อาจจะแข็งลึกลงไปแค่ 0.25 cm เท่านั้น ส่วนแกนอีก 0.5cm ไม่แข็งสมบรูณ์ (ในงานบางชนิดอาจต้องการการชุบแข็งลักษณะนี้)
ยิ่งเหล็กเบอร์ไหนมี hardenability ต่ำเท่าไหร่ ก็ยิ่งต้องการสารชุบที่เร็วขึ้นเท่านั้น แถมความแข็งที่เกิดขึ้นก็จะไม่ลึก การใช้สารชุบที่เร็วเกินไปจะเพิ่มโอกาสเสี่ยงต่อการแตกบิดเบี้ยวของชิ้นงาน
ข้อดีของเหล็กที่ hardenability ต่ำก็คือจะจัดการในขั้นตอนตีขึ้นรูปได้ง่าย มีโอกาสน้อยกว่าที่เหล็กจะเสียโครงสร้างเพราะเหล็กกลุ่มนี้ต้องการการเย็นตัวอย่างรวดเร็วเพื่อแข็ง ทิ้งไว้ในอากาศก็ไม่แข็ง มีระยะ forging เยอะ ในขณะที่เหล็กที่มี hardenability สูง จะตียากและโอกาสเีสียหายสูงเพราะการปล่อยไว้ในอากาศจะทำให้มันแข็งตัวมาก ระยะ forging ก็จะน้อย ออกมาจากเตาก็ต้องรีบตี
การเรียงความเร็วของสารชุบจากเร็วไปช้าแบบคร่าวๆนะครับ (อาจมีปัจจัยซึ่งทำให้เปลี่ยนแปลงเช่นถ้า nitrogen gas ในเตา vacuum ใช้ความดันสูงมากๆก็สามารถให้อัตราการเย็นตัวเหนือกว่า plate quench)
น้ำเกลือ > น้ำ > น้ำมันเร็ว > น้ำมันช้า > plate quench > แก๊ส (ในเตา vacuum )> อากาศ
ในงานบางอย่างที่ต้องการความแข็งเท่ากัน ธาตุอัลลอยด์ที่ช่วยเรื่อง hardenability เป็นสิ่งจำเป็นมาก
ง่ายๆคือแมงกานีสทำให้เหล็กชุบแข็งได้ลึกมากขึ้น สมบรูณ์มากขึ้น ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อความแข็งแรง และความเหนียวทนทานของโครงสร้างเหล็ก
____________________________________________________________________________________________
2. แมงกานีสทำหน้าที่เป็น austenite stabilizer หรืออัลลอยด์ที่ช่วยเพิ่มเสถียรภาพของสถานะ austenite
ในทางทฤษฎีการ austenite เกิดขึ้นที่อุณหภมิเริ่มต้นที่ 723c ก็จริง (ในเหล็ก eutectoid )แต่ในความเป็นจริง มลทิน หรือธาตุอัลลอยด์บางอย่างอาจไปขัดขวางให้การ austenitizing ไม่สมบรูณ์
ในทางปฏิบัีติเราจึงต้อง austenitizing ที่อุณหภูมิมากกว่านั้นเสมอ
แมงกานีสทำหน้าที่เป็นตัวช่วยให้การ austenitizing มีความสมบรูณ์สม่ำเสมอมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลโดยตรงต่อโครงสร้าง martensite หลังการชุบ
____________________________________________________________________________________________
3. แมงกานีสช่วยขจัดมลทินตกค้างบางตัวในเหล็กเช่น sulfur หรือ oxide บางอย่าง
ในอุตสาหกรรมผลิตเหล็ก ต้องมีการใส่สารบางตัวเพื่อให้เหล็กจัดการง่ายในขั้นตอนผลิตแต่ธาตุบางตัวจะกลายเป็นมลทินซึ่งจะลดคุณภาพของเหล็กลงอาจไม่มีการขจัดก่อนขึ้นรูป
____________________________________________________________________________________________